อยู่ไม่ได้แล้ว เห็นวิญญาณวนเวียนที่ใต้ต้นตะเคียนตรงข้ามบ้านจนต้องขอไปนอนบ้านแม่

            สำหรับเหตุการณ์ลี้ลับเหนือธรรมชาติสุดสะพรึงขนหัวลุกหลังนางหลอด อายุ 44 ปีที่หายออกจากบ้านไปแล้วลูกชายได้ติดตามจนทราบว่าไปตายที่โรงพยาบาลระยอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. และมาทราบว่าเสียชีวิตวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากสาเหตุอาการเมาสุราแล้วล้มหัวฟาดพื้น และลูกชายเหลือเงินทำศพ 500 บาทตั้งบำเพ็ญกุศลสวดให้ 1 คืน และก็เผาไปแล้วตามที่ปรากฎเป็นข่าวไป

               ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสาวบังอร ตุ้มคำ อายุ 30 ปี ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ตรงข้ามกับต้นตะเคียนเก่าแก่หลังวัดบ้านฉางที่เห็นมาตั้งแต่เกิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่ศรัทธาของคนในพื้นที่ จะมาเซ่นไหว้ที่ต้นตะเคียนมาอย่างยาวนาน น้อยคนจะกล้าผ่านจึงมีการตั้งศาลเพียงตา และผ้าหลากสี ตลอดจนชุดไทยโบรณาที่ชาวบ้านต่างนำมาแก้บนเจ้าแม่ตะเคียนพันอยู่รอบโคนต้นเป็นจำนวนมาก จนกระทั้งความเจริญเข้ามามีกระแสไฟฟ้าส่องสว่างตามทาง   

      ต่อมาถูกจับจองเป็นที่สำหรับจับกลุ่มดื่มสุราของกลุ่มคนเมาท้ายวัดรวมทั้งนางหลอด ก่อนหน้าก็มานั่งอยู่หน้าบ้านหลบฝนแล้วก็ซ้อนท้ายรถเครื่องไปดื่มกินที่ห้องพักของนายช้างจนเดินโซซัดโซเชไปล้มเองที่หน้าห้องจนหัวฟาดพื้นแล้วก็มีอาการชักเกร็งจนสุดท้ายสิ้นใจที่โรงพยาบลในที่สุด
        โดยนางสาวบังอร ตุ้มคำก็เล่าให้ฟังว่าช่วงกลางดึกประมาณ ตี 1 ของคืนวันที่ 22 มิ.ย.ว่าขณะเดินไปที่บ้านแม่อีกหลังที่ห่างจากบ้านประมาณ 20 เมตร แต่ต้องผ่านต้นตะเคียนก็เห็นนางหลอดสวมใส่ชุดสีขาวนั้งก้มหน้าไม่พูดไม่จาอยู่ที่โคนต้นตะเทียนเพียงลำพังจากนั้นก็เดินย้อนกลับมาเพื่อเข้าไปนอนก็ยังเห็นอยู่ที่เดิมไม่ไปใหนซึ่งก็ไม่ได้ทักจนกระทั้งช่วงสายของวันต่อมาก็ทราบว่านางหลอดกำลังจะขึ้นเมรุเผาแล้วสร้างความสะพรึงขนลุก จนไม่กล้าที่จะกลับเข้าไปนอนที่บ้านอีกต้องขอไปนอนที่บ้านแม่เพราะหวาดผวาวิญญาณนางหลอดที่เพิ่งตายครบ 7 วันเชื่อว่าวิญญาณนางหลอดคงจะวนเวียนอยู่ที่ใต้ต้นตะเคียนแห่งนี้เป็นแน่

นอกจากนี้แล้วหลังจากที่นางหลอดตายไปเพื่อนๆที่ชอบมาดื่มเหล้าด้วยกันใต้ต้นเคียนก็ยังเคยได้ยินเสียงนางหลอดไปยืนเรียกที่หน้าห้องกลางตึกจนต้องรีบปิดบ้านเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพราะไม่มีใครอยากเจอวิญญานนางหลอดเหมือนที่นางสาวบังอรพบเจอมาอีกด้วย

   ราชัญ กองทอง/เมทนี โด่งดัง ระยอง