ข่าว

อัยการปรับแผนสู้ "โควิด-19" ปรึกษา กม. ผ่านไลน์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สกัดโควิด-19 อัยการ สคช.นครปฐม-โคราช ปรับให้คำปรึกษา กม.ผ่าน VDO Call ไลน์-ต่อโทรศัพท์ผ่านห้องกระจก

 

               หลัง อสส.ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ปรับแผน work from home "รองโฆษกอัยการ" เผย อัยการปรับแนวทางจัดแบ่งทีมให้เหมาะสม ส่วนงานช่วย ปชช.ด้าน กม. มีแผนจัดเวรสลับร่วมใช้เทคโนฯ 

 

อ่านข่าว 13 เรื่องติดต่อศาล ง่ายผ่านแอพฯ ลดเดินทาง เสี่ยงโควิด-19

 

               วันที่ 25 มี.ค.2563 - นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้สั่งการเกี่ยวกับมาตรการปฏิบัติงาน ตามแผนการเหลื่อมเวลาการทำงานและแผนการปฏิบัติงานจากบ้าน (Work from Home)

 

               อัยการเองก็จะต้องพิจารณาปรับเวลาทำงาน เพื่อให้มีอัยการพร้อมทำงานให้ประชาชนตลอดเวลา เพราะมีปัญหาทางกฎหมายหลายเรื่องอาจรอไม่ได้  เช่น การแบ่งทีมงาน เป็นทีม A กับทีม B มาทำงานคนละวันไม่ต้องเจอกัน หากทีม B ต้องกักตัวเพราะเหตุไวรัส ทีม A ก็ยังคงเข้ามานั่งทำงานให้ประชาชนต่อไปได้ ทีมที่อยู่บ้านก็นั่งทำงานที่บ้านกันต่อไป โมเดลนี้จึงเป็นที่น่าสนใจและนำมาใช้ได้จริง 

 

               ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย (สคช.) และการบังคับคดีจังหวัดนครปฐม ก็เปิดบริการให้คำปรึกษากฎหมายแก่ประชาชน ผ่านทาง VDO Call ของแอพฯ Line เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ก็ให้ดำเนินการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ภายใน 2 เครื่อง ไว้ด้านนอกเพื่อเวลามาปรึกษา ก็ให้ยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันผ่านกระจกใสกั้น ก็เป็นการลดการเผชิญหน้า

 

               โดยวิธีนี้สามารถยกเอกสารตรวจสอบมองเห็นกันได้เพราะการแก้ปัญหาทางกฎหมายจำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด ทั้งนี้ตัวอย่างวิธีต่างๆ ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นการปรับมาตรการทำงานเพื่อประชาชนในสภาวะนี้ได้

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการปฏิบัติเพื่อป้องกันแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของสำนักงานอัยการสูงสุดนั้น นายวงศ์สกุล อัยการสูงสุด ยังได้ลงนามคำสั่งตั้ง "ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19)" หรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบ.สค.อส.) ขึ้นในสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมอบหมาย นายสาวิตร บุญประสิทธิ์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน , นายเสวตร อภัยรัตน์ อัยการพิเศษฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ เป็นเลขานุการศูนย์ ศบ.สค.อส. 

 

               โดยศูนย์ดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี , นโยบายของรัฐบาล , ประกาศของกรุงเทพมหานคร และประสานงานกับอัยการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลการแพร่ระบาดและผลกระทบต่อบุคลากร รวมถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรให้ทันกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัยของบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดและประชาชนผู้มาติดต่อราชการเป็นสำคัญ

 

               ขณะที่เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายวงศ์สกุล อัยการสูงสุด ได้ออกหนังสือคำสั่งถึงรองอัยการสูงสุด , ผู้ตรวจการอัยการ , อธิบดีอัยการ , อธิบดีอัยการภาค , อัยการพิเศษฝ่าย และอัยการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติงานตามแผนการเหลื่อมเวลาการทำงานและแผนการปฏิบัติงานจากบ้าน (Work from Home) ของสำนักงานอัยการสูงสุด สืบเนื่องมาจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ดังนี้

 

               1. การทำงานเหลื่อมเวลา สำนักงานอัยการสูงสุดได้จัดทำแผนการเหลื่อมเวลาการทำงาน และแผนการปฏิบัติงานจากบ้าน (Work from Home) ให้อธิบดีอัยการเป็นผู้พิจารณาอนุญาตและกำหนดมาตรการในการตรวจติดตามผลการทำงาน โดยให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามแผนดังกล่าวและรายงานผลตามแบบรายงานที่กำหนดผ่านทาง e-mail หรือโทรสาร (แฟกซ์) ไปยังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ภายในวันพฤหัสบดีทุกสัปดาห์ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

 

               2. การประชุมสัมมนา ให้พิจารณาเลื่อนตามความจำเป็นและความเร่งด่วนแล้วนำเสนอเพื่อสั่งการ กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ให้ใช้วิธีการประชุมทางระบบอินเตอร์เน็ตหรือประชุมทางไกลแทน 

 

               3. ให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2563 และประกาศมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล , กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องและหนังสือเวียนสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับมาตรการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเคร่งครัด โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ