ข่าว

"นพ.ประสิทธิ์"ชี้คนไทยต้องสกัดโควิดก่อนติดเชื้อเพิ่ม3.5แสน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นพ.ประสิทธิ์"ชี้คนไทยต้องช่วยกันสกัดโควิด-19 เพื่อคุมการแพร่เชื้อให้ลดเหลือร้อยละ 20 จากเดิมร้อยละ 33 หวั่นหากปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตอยากไปไหนก็ไป สงกรานต์นี้ผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มกว่า 3.5 แสนราย ตาย 7 พันราย

 

       

          วันที่ 23 มีนาคม 2563  ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นายกแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล  จัดรายการผ่านเพจ IPTV Mahidol  Universityในหัวข้อคาดการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ระบุุว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ได้แพร่กระจายไป198 ทั่วโลก แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่ควบคุมอยู่ 2. กลุ่มที่ควบคุมไม่ได้

     อ่านข่าว :  กทม.ออกประกาศฉบับใหม่ ขอปชช.อยู่บ้าน-งดเดินทางออกกทม.

 

 

           กลุ่มประเทศที่ควบคุมไม่ได้ อยู่แถบยุโรป ส่วนกลุ่มประเทศที่ควบคุมได้อยู่เอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง พบว่าอัตราการเพิ่มของผู้ติดเชื้อโควิด-19 จาก 100 คน เพิ่มเป็น 200 คน ใช้เวลา 5 วัน แต่กลุ่มประเทศที่ควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้พบว่าอัตราผู้ติดเชื้อจาก 100 คน เพิ่มเป็น 200 คน ภายในเวลา 3 วัน

   

         ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019ในประเทศไทย เริ่มจากสนามมวย สถานบันเทิงประเภทผับ ไทยเจอคนไทยติดเชื้อจากจำนวน 114 คน เพิ่มเป็น 220 ใช้เวลา 3.5 วัน มีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มประเทศที่จะควบคุมได้คือ3 วัน  แต่ต้องยมอรับว่าการรายงานผู้ติดเชื้อช้ากว่าความจริง 1-2 วัน เพราะต้องรอกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขตรวจยืนยันอีกครั้ง ดังนั้นการแพร่เชื้อในไทยคล้ายประเทศเยอรมัน  

 

        "ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ไม่ควบคุม ปล่อยไปตามธรรมชาติ ปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตอยากไปไหนก็ไป จะทำให้แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มร้อยละ 33 ทุกวันๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้น จะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากวันที่ 15 มีนาคม 2563 ที่เราพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิน 100 คนจากนั้นอีก 1 เดือน หรือวันที่ 15 เมษายน  2563 เราจะมีคนไทยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 351,947  รายในจำนวนนี้คาดต้องนอนโรงพยาบาล 52,792 ราย,ต้องเข้ารักษาตัวที่ห้องไอซียู 17,597 ราย และเสียชีวิต 7,039 ราย"ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ระบุเสียงเข้ม

 

       

 

         ประเทศไทยทุกคนต้องช่วยกัน ลดละการพบปะสังสรรค์ ควรอยู่บ้านหากไม่ติดเชื้อไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย เป็นการสิ้นเปลือง  หากจำเป็นต้องพบกับคนควรอยู่ห่างระยะ 2 เมตร เนื่องจากเมื่อคนเราไอ หรือจาม ละอองจะพุ่งยาว 1 เมตร มีจำนวนถึง 3,000 ละออง ระยะปลอดภัยหรือปลอดเชื้อจะอยู่ที่ 2 เมตร

 

       สิ่งที่ได้รายงานนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไทย ต้องร่วมมือกันตัดวงจรการแพร่ระบาดให้ได้ หากพบคนติดเชื้อต้องรีบรักษา หากมาจากกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัวไม่พบใคร ที่ได้ผลดีต้องกักตัวนาน 3 สัปดาห์ เพราะ2 สัปดาห์หรือ 14 วันอยู่ในระยะฟักตัว  และหลังจากนั้นอยู่ในระยะกระจายเชื้อ

 

         "เราต้องช่วยกัน แต่ละจังหวัดต้องหาคนติดเชื้อให้เจอ เมื่อเจอแล้วต้องแยกออกจากสังคม กัก เฝ้าระวัง จนกว่าจะพ้นระยะฟักตัว คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน เราต้องควบคุมอัตราการแพร่ระบาด ต้องดึงกลับมาให้อยู่ที่ี่ร้อยละ 20  หากไทยสามารถทำได้ ผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่ 24,269 ราย จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล 3,640 ราย ,อยู่ในห้องไอซียู 1,213 ราย และเสียชีวิตเกือบ500 คนหรือ 485 ราย นี่คือเป้าหมายที่ไทยต้องการดึงตัวเลขลงมาอยู่ที่ร้อยละ 20 ของการแพร่ระบาด" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  กล่าว

 

        ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  กล่าวอีกว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ไทยต้องคุมให้อยู่ เพราะปล่อยให้การแพร่ระบาดแต่ละวันเป็นร้อย 33 แล้ว เกินศักยภาพไทย เพราะทั้งบุคลากรทางการแพทย์และจำนวนเตียงเรามีจำกัด หากคนไข้เกิน 17,000 รายที่เตียงรองรับไหว เพิ่มเป็นกว่า3.5 แสน อาจจำเป็นต้องเลือกให้ใครมีชีวิตอยู่ หรือใครต้องเสียชีวิต

 
          ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  กล่าวต่อว่า อย่าลืมว่าร้อยละ 8 ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของประเทศอิตาลีนั้น เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มทวีคูณ  จำนวนอุปกรณ์การแพทย์ หน้ากากอนามัยที่จำกัดไม่เพียงพอรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดแกบบก้าวกระโดดจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

 

    “ผมขอให้คนไทยทุกคนช่วยกัน ตามาตรการที่รัฐบาลได้ประกาศออกมาแล้ว ทั้งในส่วนกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด เพื่อให้การเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชะลอการแพร่ระบาด คาดว่าในอีก4สัปดาห์ และการแพร่ระบาดจะค่อนไหายไปในอีก 9 เดือน” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  กล่าวในที่สุด

      0กมลทิพย์ ใบเงิน0 เรียบเรียง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ