ข่าว

ทางสองแพร่ง คนไทยต้องเลือก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองปลัดสธ.ยอมรับตกใจเห็นภาพคนออกตจว. เตือนเสี่ยงตั้งแต่นั่งรถ เรียกร้องคนไทยใช้ช่วงเวลาทอง ตัดสินใจบนทางสองแพร่ง

 

23 มีนาคม 2563 ไทยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 123 ราย สะสม721 ราย ยอดพุ่งเพราะคนเดินทางออกต่างจังหวัด ปรับเกณฑ์การตรวจเหลือแลปเดียว เดินตามอิตาลียอดตายพุ่ง หรือกักตัวหยุดโรคตามแนวทางญี่ปุ่น ไต้หวัน ไม่เคร่งครัดนั่งสุมหัวก๊กเหล้า เตียงพอ-หมอไม่พอแน่ 

อ่านข่าว บรรเทาโควิด โรงตึ๊งรัฐ ขยายเวลาตั๋วรับจำนำไม่คิดดอกเบี้ย 

ด่วน ศิริราช ปิดคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ

กทม.ออกประกาศฉบับใหม่ ขอปชช.อยู่บ้าน-งดเดินทางออกกรุงเทพฯ 
(คลิป) หญิงหน่อย ซัดมาตรการโควิด ไม่รอบด้านทำคนแห่กลับตจว. 

ผวาไวรัสมรณะ "ห้าม"สื่อยื่นไมค์รุมล้อม  

 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 23 มี.ค.ว่า ในวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 122 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 721 รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 7 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 20 ราย ได้แก่กลุ่มสนามมวย 4 ราย เป็นพี่เลี้ยงนักมวย ผู้ชม พบที่นนทบุรี นครปฐม และอุบลราชธานี กลุ่มที่ 2. กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยจากการไปสังสรรค์กับชาวต่างชาติ 16 ราย ทั้งที่ได้อยู่ประชุมด้วยกัน พนักงานส่งของ พนักงานบริษัท และนักเรียน

 

และกลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 10 ราย แบ่งเป็น 1 ผู้เดินทางจากต่างประเทศจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา และประเทศเยอรมัน รวม 4 ราย 2. อาศัยหรือทำงานในสถานที่แออัดหรือเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติ 6 ราย โดยประกอบอาชีพ พนักงานผับบาร์ รับส่งชาวต่างชาติ ส่วนอีก 92 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ทั้งนี้รายที่มีอาการหนัก 7 รายยังอยู่ในสถาบันบำราศนราดูร รพ.เพชรบูรณ์ รพ.ในสังกัดโรงเรียนแพทย์ และรพ.เอกชน ซึ่งยังต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจโดยสรุปภาพรวม กลับบ้านได้แล้ว 52 ราย รักษาอยู่ 668 ราย เสียชีวิต 1 ราย


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัดจากการเคลื่อนย้ายของคน จึงขอให้ผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัดรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน หรือจะติดต่อไปยังรพ.จังหวัด รพ.อำเภอ หรือแสดงตัวต่อผู้นำชุมชนและ อสม. ทั้งนี้ขอให้ประชาชนให้โอกาสให้ทุกคนที่เดินทางกลับบ้านได้แสดงตัวเอง ทำให้เขาได้ภาคภูมิใจว่า คนที่เดินทางมาจาก กทม. กักกันตัวเองในบ้านอย่างเคร่งครัด 14 วัน โดยให้ทำแบบเดียวกับผู้ใช้แรงงานที่กลับจากประเทศเกาหลีใต้

 

"ไม่ป่วยตรวจคัดกรองเจอติดเชื้อแค่ 4% วอนอย่าเพิ่มภาระหมอ"

 

สำหรับผู้ชม หรือผู้ที่ทำงานในสนามมวย สถานบันเทิงที่กลับบ้านไปพบพ่อแม่ ครอบครัว ผู้สัมผัสใกล้ชิดทุกคนต้องกักกันตัวเองเพราะอยู่ในกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงรับเชื้อ โดยผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหากยังไม่มีอาการป่วยขอให้กักกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ยังไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ เพราะหากยังไม่มีอาการจะตรวจพบเชื้อได้ยาก

 

พร้อมยกตัวอย่าง กรณีมีผู้ขอรับการตรวจ 30,000 คน ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเกณฑ์เข้าระวัง 10,000 ราย ตรวจพบเชื้อเพียง 400 ราย หรือ 4% ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เข้าใจว่าหลายคนตื่นตระหนกกังวล จึงอยากอธิบายว่าการตรวจเพื่อหาเชื้อต้องใช้ไม้พันสำลีที่ยาวมากๆ สอดเข้าไปให้ถึงพื้นที่หลังโพรงจมูก หลายคนออกมาบอกว่าเจ็บ รู้งี้ไม่ไปดีกว่า และยังทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเมื่อต้องเข้าไปในพื้นที่โรงพยาบาล ขอให้คนมีไข้เท่านั้นที่ควรไปตรวจ

 

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ในวันนี้นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีข้อสั่งการให้ยกระดับการตรวจคัดกรองทั่วประเทศ โดยคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ในช่องทางสนามบิน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประสานขออัตรากำลังเสริมการคัดกรองที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากกระทรวงกลาโหม ส่วนการจัดวางระบบส่งต่อผู้ป่วย 1669 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรมว.สาธารณสุข จะประชุมสถานการณ์ในกทม. เพื่อจัดว่างระบบร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน

 

"จากนี้จะเห็นตัวเลขเพิ่มวันละกว่า 100 ราย"


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตัวเลขการติดเชื้อในวันที่ 22 มี.ค. มีผู้ติดเชื้อมากถึง 189 ราย เป็นตัวเลขที่พุ่งพรวดนั้น มีสาเหตุจากการตรวจเพิ่มในต่างจังหวัด และยังปรับเกณฑ์ลดการตรวจเหลือเพียงแลปเดียว จากเดิมที่ตรวจซ้ำ 2 แลป ผลที่ค้างท่อหลายวันก่อนวันที่ 21 มี.ค. จึงทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นในวันเดียวเป็นเท่าตัว โดยหลังจากนี้ยังคาดว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละกว่า 100 ราย 

 

 

"คนไทยต้องเลือกตายตามอิตาลี หรืออยู่บ้านหยุดโรค"

 

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนมีข้อความสำคัญข้อความเดียวสื่อสารไปยังคนไทย เพราะมีคนตั้งคำถามว่าเมื่อตัวเลขก้าวกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป เราไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่มีโควิด ขอให้ศึกษาจากประเทศที่เข้าสู่ 100 ราย จากนั้นตัวเลขจะวิ่งค่อนข้างรวดเร็ว วันนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศต้องช่วยกันตัดสินใจ ประเทศที่ถึง 100 รายก่อนเราแล้วเดินหน้าไปคือ อิตาลี อิหร่าน ซึ่งมีผู้ป่วยมากถึงหลักหมื่น มากจนระบบสาธารณสุขรองรับไม่ทัน ตัวเลขผู้เสียชีวิตจึงเป็นสิ่งที่น่าตกใจ

 

ตรงกันข้าม ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ในช่วงแรกตัวเลขขึ้นไปมาก แต่เขาสามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ผู้ติดเชื้อของเราอยู่ที่ 721 ราย เรายังอยู่ในช่วง "เวลาทอง" ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติตัวให้มีวินัยอย่างเคร่งครัด อยู่บ้านหยุดเชื้อ เราจะเดินไปเหมือนยุโรป อีกไม่กี่วันเราจะทะลุพัน และหลายๆพัน ซึ่งเมื่อไปถึงจุดนั้นไม่แน่ใจว่าระบบสาธาณณสุขจะรองรับได้แค่ไหน ท่านจะเลือกช่วยกันให้ผู้ติดเชื้อค่อยๆเพิ่มแล้วลดน้อยลง หรือจะทำให้พุ่งโด่งไปเหมือนยุโรปและสหรัฐ อเมริกา สธ.ทำได้เพียงค้นหาและรักษา มาตรการของรัฐที่ออกมา ขอให้ทุกคนเข้าใจแล้วช่วยทำตาม ไม่ใช่พอรัฐบอกปิดไม่ให้ไปกินอาหารนอกบ้าน ก็ไม่สุมหัวนั่งก๊กเหล้า เรายังไม่อยากไปถึงขั้นบังคับล็อกดาวน์ให้อยู่แต่ในบ้าน

 

"คนที่เดินทางกลับบ้าน เสี่ยงตั้งแต่ขึ้นรถ"


สำหรับท่านที่กำลังเดินทางออกต่างจังหวัด ความเสี่ยงจะเริ่มตั้งแต่ขึ้นยานพาหนะ ต้องป้องกันระวังตัวเอง เพราะท่านนั่งในระบบถ่ายเทอากาศปิดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการนั่งรถตู้ไปในลักษณะส่วนตัว นั่งกันแออัด เมื่อไปถึงพื้นที่ปลายทาง ต้องรายงานตัว กักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้ไทยเดินตามยุโรปและสหรัฐอเมริกา จากสถิติคนเสียชีวิตทั่วโลกเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในอิตาลีที่เป็นสังคมผู้สูงอายุ

 

วันนี้คนที่เก็บของเดินทางกลับบ้านอาจติดเชื้อแล้วแต่ไม่รู้ตัว ท่านจะเป็นคนเอาเชื้อไปติดพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ถ้ากลับบ้านขอให้แยกกักตัว จนกว่าจะมั่นใจว่าตัวท่านไม่มีเชื้อจริงๆ โดยวิธีตรวจแลปมี 2 วิธี คือตรวจหาเชื้อซึ่งต้องใช้เวลาฟักตัว 3-5 วัน และการตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน ยิ่งใช้เวลายาวมากกว่าเพราะกว่าร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต้องใช้เวลา 10- 14 วัน คนที่เคยติดเชื้อแล้วหาย เมื่อไปตรวจซ้ำผลเลือดก็เป็นบวก ดังนั้นจึงต้องแปลผลให้ดี จึงไม่อยากให้ไปหาชุดตรวจราคา 300-500 บาทไปตรวจเอง เพราะหาก แปลผลไม่ถูกทางจะมีผลเสีย

 

"ไม่มีรายงานเชื้อโควิดจากประเทศใดเป็นตัวร้าย"

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีแพทย์ออกมาแสดงความเห็นว่า เชื้อที่ติดจากสนามมวยมาจากประเทศอิตาลีจึงเป็นเชื้อดุร้ายกว่าเชื้อที่พบในเอเชีย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าเชื้อประเทศใดรุนแรงหรือร้ายกว่าเชื้อของประเทศใด ตัวเลขการเสียชีวิตขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ป่วยพุ่งทะยานจนเกินขีดความสามารถในการรักษาของระบบสาธารณสุข ถ้าหยุดรับเชื้อ หยุดแพร่เชื้อ ก็จะเป็นพระคุณต่อระบบสาธารณสุข

 

ส่วนกรณีที่องค์การอนามัยโรคเตือนว่า เชื้อโควิด-19 มีการติดต่อผ่านทางอากาศ ขอให้ทำความเข้าใจว่า WHO แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ใช้เครื่องผลิตฝอยละอองเพื่อให้คนไข้สูดเข้าไปรักษาอาการป่วย ซึ่งหากฝอยละอองที่มีความละเอียดนี้มีเชื้อโควิด เชื้อก็จะปนไปกับฝอยละออง แต่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถผลิตฝอยละอองที่ละเอียดดังกล่าวได้


"ตกใจเห็นภาพคนแห่ออกตจว. "

 

"ยอมรับว่าเมื่อเห็นภาพคนที่เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด เราก็ตกใจ คิดว่าจากมาตรการที่ออกมาจะทำให้คนอยู่บ้าน แต่ก็เข้าใจว่าไม่มีทางเลือก จึงเร่งประสานไปยังทุกจังหวัดให้ช่วยกันเอ็กซเรย์ว่ามีใครกลับมา ท่านที่ลงรถทัวร์ตอนตีสองตีสามอาจไม่มีใครไปดู จึงขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของทุกคนว่า อยากให้ไทยเป็นเหมือนยุโรปหรือไม่

 

"ขณะนี้สธ.เตรียมสำรองหมื่นเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการไม่หนัก และเตรียม 3,000 เตียง สำหรับไอซียู แต่ไม่ว่าเตียงจะมากอย่างไรแต่บุคลาการทางการแพทย์มีจำกัด ถ้าผู้ป่วยค่อย ๆ มา แพทย์ก็มีเพียงพอที่จะดูแลได้ เราอยู่บนทางสองแพร่ง จะไปซ้ายหรือขวาประชาชนเป็นผู้เลือก ส่วนปัญหาน้ำยาตรวจยืนยันว่ามีเพียงพอ บางโรงพยาบาลขาดไปเล็กน้อยนั่นเป็นการสื่อสารภายใน ถ้าเข้าตรวจตามเกณฑ์เรารับมือได้แน่"รองปลัดสธ.กล่าว

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ