ข่าว

หญิงไทยติดเชื้อเพิ่มอีก 1 สธ.ขอ 3.5 พันล้าน รับมือโควิด-19

หญิงไทยติดเชื้อเพิ่มอีก 1 สธ.ขอ 3.5 พันล้าน รับมือโควิด-19

03 มี.ค. 2563

สธ.ขอ 3.5 พันล้าน รับมือโควิด-19 ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ฮูเตือนระบาดหนัก-มะกันดับคนที่ 2

 

               พบหญิงไทยวัย 22 ปี ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 1 คน เป็นรายที่ 43 เผยใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 37  พร้อมเปลี่ยนมาตรการคัดกรองใหม่เพิ่มคนป่วยไข้หวัดเป็นกลุ่ม 5 คนขึ้นไปเพื่อการเฝ้าระวังครอบคลุม ไม่จำกัดแค่มีไข้ ไอ น้ำมูก หรือประวัติการเดินทางต่างประเทศ พร้อมจับตาดูอังกฤษ-นอร์เวย์ หลังมีผู้ป่วยเพิ่ม สธ.ยันยังไม่มีการแพร่ระยะ 3 ในไทย พร้อมเสนอ ครม.ของบกลาง 3.5 พันล. ใช้ในการควบคุม ขณะที่ชาวนิวยอร์กตายเป็นรายที่ 2 ฮูเตือนทั่วโลกเตรียมตัวรับมือ

 

อ่านข่าว พบหญิงไทยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มทำงานใกล้ชิดคนขับรถ

อ่านข่าว จีนสูญเสียหมออีก 2 ท่านขณะสู้โควิด-19 เหตุติดเชื้อ-ทำงานหนัก

 

               วันที่ 2 มีนาคม จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองสำนักโรคติดต่อ แถลงความคืบหน้าการติดเชื้อว่า ขณะนี้มีผู้รักษาหายแล้ว 1 คนเป็นหญิงอายุ 34 ปี กลับจากประเทศญี่ปุ่น และพบผู้ติดเชื้ออีก 1 คนเป็นหญิงไทยอายุ 22 ปี อาชีพทำงานพนักงานดูแลนักท่องเที่ยว เป็นผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยรายที่ 37 อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังอยู่แล้ว ทำให้มีผู้ติดเชื้อรวม 43 คน หายแล้วกลับบ้าน 31 คน เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 11 คน

 

               “แม้ไทยจะอยู่ในการระบาดในเฟส 2 แต่มีการระบาดและสถานการณ์เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ทำให้มีการปรับเกณฑ์การเฝ้าระวังคัดกรองโรคใหม่ จากเดิมมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก หรือโรคระบบทางเดินหายใจ กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง เป็นเฝ้าระวังในกลุ่มคนที่ป่วยไข้หวัด แต่ติดต่อกันเป็นกลุ่มคน 5 คนขึ้นไปเพื่อให้รับกับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันและหากมีการเจ็บป่วยเป็นกลุ่มให้โทรศัพท์มาแจ้งที่สายด่วน 1422 และสำหรับคนที่มีการกักตนเองดูอาการที่บ้าน 14 วัน กรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศ หากเกิดป่วยในระยะเวลานี้ให้โทรมาที่ 1422 เพื่อแจ้งและรับบริการรักษา เพื่อลดการเดินทางสัมผัสใกล้ชิดบุคคลอื่น” นพ.สุขุมกล่าว

 

เพิ่มเป้าจับตา11ปท.ต้องกักตัว

 

               ปลัด สธ. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ขอให้จับตาพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของโรคที่มีการขยับตัวเลขเพิ่มขึ้นทั้งอังกฤษ นอร์เวย์ และประเทศแถบสแกนดิเนเวียน เพิ่มจาก 11 พื้นที่ ประกอบด้วย จีน ครอบคลุมฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน เยอรมนี ฝรั่งเศส ซึ่งคนที่เดินทางกลับมาต้องกักตัวเองดูอาการอยู่ที่บ้าน 14 วัน กรณีไม่พบไข้ที่สนามบิน เพื่อความปลอดภัย และรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยกรณีไป 11 พื้นที่เสี่ยงเช่นกัน ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558

 

               ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มคนไทยที่หลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายอาศัยอยู่ในเมืองแทกู เกาหลีใต้ ขอความช่วยเหลือต้องการกลับไทยเพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่กลัวดำเนินคดีทางกฎหมาย เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศต้องประสานร่วมกับสถานทูตเพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยกลุ่มนี้ โดยจะมีการตรวจคัดกรองตั้งแต่ต้นทางก่อนเข้าสนามบินในเกาหลีใต้ หากป่วยก็จะได้รับการรักษาจนหายดีถึงกลับเข้าไทยได้ และกลับมาถึงไทยก็จะต้องดูว่ามีอาการป่วยโรคระบบทางเดินหายใจหรือไม่ หากไม่มีก็ยังต้องกักตนเองดูอาการที่บ้านอีก 14 วัน

 

               นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีผู้เสียชีวิตรายแรกของไทยขณะนี้รอผลผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นหลักสากล อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจในกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์ผู้ทำการรักษา ส่วนครอบครัวของชายคนดังกล่าวพบมีการติดเชื้อและรักษาหายแล้ว 2 คน มีลูกชายวัย 3 ขวบ และคนใกล้ชิดอีก 1 คน คือบุคลากรทางการแพทย์ที่ใกล้ชิด ก็รักษาหายแล้วเช่นกัน

 

สธ.จ่อใช้งบ4.5พันล.คุมโควิด-19

 

               นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ด สปสช. ว่าที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มงบเบิกจ่ายในกองทุนหลักประกันสุขภาพ 1,020 ล้านบาท ซึ่งเหลือจ่ายจากการต่อรองราคายา มาใช้ในการรักษาพยาบาลโควิด-19 ให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาล ตรวจหาเชื้อ ค่ายา และในวันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.) ยังเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติงบกลาง 3,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการควบคุมรับมือโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลา 7 เดือน ซึ่งสอดคล้องสิ้นสุดงบประมาณในปี 2563 เนื่องจากโรคดังกล่าวเป็นโรคอุบัติเหตุ ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ยากต่อการเบิกจ่าย โดยงบประมาณดูแลทั้งหมด เพิ่มการสนับสนุน พัฒนาศักยภาพสถานพยาบาล ทั้งเรื่องเวชภัณฑ์ และห้องแยกความดันลบ

 

               นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ในจำนวนของผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 43 คน มีผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองเบิกจ่ายแค่รายเดียว ในขณะนี้เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 80,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความเป็นจริง ขึ้นอยู่กับอาการของโรค และทราบว่าขณะนี้ในสิทธิอื่น เช่น ข้าราชการ ประกันสังคม ก็มีการหารือเรื่องการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคโควิด-19 เช่นกัน

 

สธ.ยันยังไม่ประกาศระยะที่ 3

               ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ภายหลังรักษาการอุปทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเข้าพบว่า เราได้ติดต่อผ่านทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อขอให้ช่วยเจรจากับบริษัทผู้ผลิตยาที่เพิ่งได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตยาที่ทางการจีนประกาศว่ามีสรรพคุณที่ใช้ได้ดีกับผู้ป่วย ให้ช่วยเจรจาเพื่อให้ทางการไทยซื้อยาตัวนี้ได้ โดยขอให้เป็นนโยบายพิเศษ ซึ่งจีนก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่หากมีการอนุญาตให้ขายยาตัวนี้

 

               เมื่อถามว่าจะเป็นการประกาศให้เป็นโควิด-19 ขึ้นเป็นระดับ 3 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยัง ถ้าในทางการแพทย์ตอนนี้ยังไม่ใช่ระยะที่ 3 เพราะระยะที่ 3 ต้องเป็นการติดต่อจากคนสู่คนในประเทศในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก ตอนนี้เรายังอยู่ในระยะที่ 2 อยู่ ขอไม่ต้องกังวลกันมาก เพียงแต่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย

 

แนะคนไทยมีสำนึก-สมานฉันท์

 

               นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า คนไทยต้องตระหนักว่าปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทยทุกคน ต้องอาศัยความร่วมมือของคนไทยทุกคนและกระทรวงสาธารณสุข การจัดการของประเทศเพื่อให้การเข้าสู่การระบาดของโรคระยะที่ 3 เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดนั้น ต้องให้เข้าสู่ระยะ 3 อย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อโรงพยาบาลแต่ละแห่งสามารถรับมือกับอาการเจ็บป่วยอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กรมสุขภาพจิต อยากให้คนไทยทุกคนต่อสู้ด้วยสติ คือรับมือโรคนี้แบบตระหนัก ไม่ตระหนก

 

               “โรคติดต่อไวรัสนี้สามารถป้องกันได้ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข คือ เมื่อเจ็บป่วยก็มีวิธีการดูแลรักษาได้ แต่ก็เหมือนโรคทุกชนิด มีทั้งคนที่ได้รับผลกระทบรุนแรง หรือไม่รุนแรง โดยอยากให้ประชาชนตระหนักถึง 2 คำสำคัญ คือ สำนึกต่อสังคมและสังคมสมานฉันท์ ซึ่งจะทำให้แผนการควบคุมโรคที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้จะสามารถดำเนินจนสำเร็จได้ตามแผนวิกฤติการระบาดของโรคในประเทศไทยก็จะไม่รุนแรง และเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด” นพ.เกียรติภูมิระบุ

 

ทำเนียบเข้มบิ๊กตู่นำทีมวัดไข้

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทำเนียบรัฐบาลเช้าวันเดียวกัน มีการเปิดจุดคัดกรองที่ตึกสันติไมตรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้งและเตรียมการเก็บน้ำฤดูฝนปี 2563 โดยมีข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานดังกล่าวจำนวนมาก ทั้งนี้ก่อนเข้างาน พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ตรวจวัดไข้และใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ

 

               นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 ว่าจะมีการเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้เปิดจุดคัดกรองในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะถือว่ามีข้าราชการเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก จึงจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล โดยเฉพาะเจลล้างมือและหน้ากากอนามัย จะต้องมีไว้ทุกจุดที่มีคนเข้าออก 

 

               ทั้งนี้การดำเนินการเรื่องนี้จะทำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจะมีการหารือเพื่อขอให้กรมประชาสัมพันธ์ช่วยชี้แจงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว และวันเดียวกันนี้นายกฯ ก็เตรียมแถลงถึงสถานการณ์โควิค-19 ด้วย

 

               ในส่วนของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หลังเดินทางไปราชการประเทศญี่ปุ่น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าทำเนียบแล้วด้วยสีหน้าและท่าทีที่ปกติ

 

ไม่จำเป็นห้ามต่างชาติเข้าไทย

 

               นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนประกาศห้ามข้าราชการและพนักงานไปประเทศกลุ่มเสี่ยงแต่ยังมีสายการบินเดินทางจากต้นทางประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้ามาไทย ทำให้เกิดความกังวลการระบาดโควิด-19 เข้าสู่ระยะ 3 เร็วขึ้น รวมทั้งตรวจพบนักท่องเที่ยวที่มีไข้ต้องเฝ้าระวังเป็นภาระสาธารณสุขไทยนั้น

 

               ชี้แจงว่า การคัดกรองผู้โดยสารจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทำตั้งแต่ต้นทางสายการบิน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยระบบคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการใช้เครื่องเทอร์โมสแกนคัดกรองถือว่าเข้มข้นเพียงพอ หากพบผู้ต้องสงสัยเฝ้าระวังก็จะเข้าสู่กระบวนการติดตามรักษา รวมทั้งบุคคลที่เดินทางมาและอยู่ใกล้เคียงกับผู้ต้องสงสัยก็จะติดตามเฝ้าระวังด้วย ซึ่งภาพรวมทั้งหมดถือว่าเพียงพอยังไม่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการยกเลิกไม่ให้ทำการบินจากประเทศกลุ่มเสี่ยงมาไทย

 

               “ส่วนประเด็นที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเฝ้าระวังการระบาดโควิด-19 และเตรียมยกระดับมาตรการให้มีความเข้มข้นมากขึ้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นมาตรการเกี่ยวกับกระทรวงสาธารณสุข เช่น มาตรการนำผู้ต้องสงสัยจะติดเชื้อเข้าตรวจและทำการรักษา” รมว.คมนาคมกล่าว

 

กักตัวผดส.3ปท.ป่วยเข้าไทย

 

               นายศักดิ์สยาม เปิดเผยถึงผลปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยและการดำเนินงานเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันจากเชื้อโควิด-19 ว่าบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ภายในท่าอากาศยาน 6 แห่งในความรับผิดชอบโดยได้คัดกรองผู้โดยสารระหว่างประเทศทั้งขาเข้า ขาออก และผู้โดยสารภายในประเทศขาออกรวมทั้งสิ้น 105,677 คน โดยตรวจพบผู้โดยสารที่มีอาการเข้าข่ายสงสัยโรคโควิด-19 จำนวน 3 ราย รายแรกเป็นชายชาวอินเดียอายุ 39 ปี เดินทางจากท่าอากาศยานนาริตะ มายังดอนเมือง วัดอุณหภูมิได้ 37.7 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีอาการไอหรือมีน้ำมูก จึงนำส่งต่อสถาบันบาราศนราดูร

 

               “อีก 2 รายเป็นชายชาวเยอรมันมาจากสิงคโปร์มายังท่าอากาศยานภูเก็ตมีอาการไอ น้ำมูก วัดอุณหภูมิได้ 38.6 องศาเซลเซียส จึงส่งต่อโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต สุดท้ายหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 21 ปี ผู้โดยสารขาออก เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วัดอุณหภูมิได้ 37.1 องศาเซลเซียส จึงส่งต่อโรงพยาบาลบางพลี เพื่อตรวจอาการต้องสงสัยโควิด-19” รมว.คมนาคม กล่าว

 

ชาวนิวยอร์กตายเป็นรายที่2

 

               ส่วนสถานการณ์ในต่างประเทศ เว็บไซต์สำนักงานสาธารณสุขเมืองซีแอตเทิลและเทศมณฑลคิง ในรัฐวอชิงตัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐ แจ้งเมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดอยู่ในเมืองซีแอตเทิล หลังจากแจ้งเมื่อวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พบผู้เสียชีวิตรายแรก นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วย 2 รายที่ศูนย์พักดูแลระยะยาว เป็นผู้พักอาศัยและคนทำงาน 

 

               ขณะที่ผู้พักอาศัยและพนักงานประมาณ 50 คนก็แสดงอาการเช่นกัน สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 2 หน่วยงานรัฐของสหรัฐไม่ได้แจ้งว่ามีถิ่นพำนักที่ใด แต่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์อ้างเจ้าหน้าที่ระดับรัฐว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในนครนิวยอร์ก ทั้งนี้จนถึงวันที่ 1 มีนาคม สหรัฐพบผู้ป่วยแล้ว 74 คนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งตะวันตก แต่ก็เริ่มพบผู้ป่วยทางฝั่งตะวันออก อาทิ นิวยอร์ก ชิคาโก โรดไอส์แลนด์

 

               ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (เคซีดีซี) รายงานล่าสุดในวันนี้ (2 มี.ค.) ว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 476 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 4,212 ราย

 

               ส่วนสำนักงานป้องกันพลเรือนของอิตาลี รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (1 มี.ค.) ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น 1,128 รายเป็น 1,694 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 34 ราย ถือเป็นประเทศนอกจีนที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้รุนแรงที่สุด

 

โดมินิกันตายรายแรก-จีนเพิ่ม42ศพ

 

               กระทรวงสาธารณสุขของโดมินิกัน แถลงว่า พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวอิตาลี อายุ 62 ปี เดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และปัจจุบันพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร ชานกรุงซานโตโดมิงโก ขณะนี้มีอาการทรงตัว

 

               นอกจากนี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) แถลงว่าจนถึงวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม มีผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นอีก 42 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจีนเพิ่มเป็น 2,912 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอีก 202 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเป็น 80,026 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่ทั้ง 42 รายอยู่ในมณฑลหูเป่ย ขณะที่ผู้ป่วย 2,837 รายได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วนั้นรวมอยู่ที่ 44,462 ราย

 

               ที่อินโดนีเซีย พบผู้ป่วย 2 รายแรกเป็นแม่ลูกกัน แม่อายุ 64 ปี ส่วนลูกสาวอายุ 31 ปี มีรายงานแม่ลูกคู่นี้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากการติดต่อใกล้ชิดกับชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง และถูกกักตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโรคติดเชื้อแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา

 

ฮูหวั่นศก.โลกดิ่งจากการปิดปท.

 

               ขณะที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ออกแถลงการณ์ห้ามนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้าประเทศเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจทำให้เศรษฐกิจได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้จำกัดการค้ากับประเทศเหล่านั้น ซึ่งนับแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดมีกว่า 38 ประเทศที่จำกัดการเดินทางไปยังจีนรวมทั้งประเทศอื่นที่มีรายงานการแพร่ระบาดของโรคนี้ และมีมาตรการกักตัวผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากประเทศเหล่านั้น แต่ประเทศที่ออกมาตรการดังกล่าวก็มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เช่นกัน

 

               นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เรียกร้องว่าตลาดการเงินทั่วโลกไม่ควรตื่นตระหนกในประเด็นการแพร่ระบาดหลังจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจนทำให้ตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก

 

               อย่างไรก็ดี ผอ.องค์การอนามัยโลก ยอมรับว่าโอกาสที่การแพร่ระบาดดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้นั้นน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง และทั่วโลกควรเตรียมรับมือกับกรณีที่รุนแรงที่สุด

 

               นางจินดารัตน์ ชโยธิน โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่า กทม.ได้ดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ บุคลากร สถานพยาบาลต่างๆ การแจกหน้ากากอนามัย แจกเจลล้างมือ ฉีดล้างทำความสะอาดฆ่าเชื้อในสถานที่ราชการ วัสดุอุปกรณ์สาธารณะ ที่ใช้ร่วมกันในพื้นที่เขตต่างๆ รวมถึงมีการให้ความรู้ในการป้องกันตนเอง  เพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด- 19) กทม.จึงมีมาตรการเพิ่มเติม ให้โรงเรียนทั้ง 437 แห่ง ทำการสอบให้แล้วเสร็จภายในวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม และปิดภาคเรียนภายในวันศุกร์นี้เช่นเดียวกัน