"เมียบิลลี่" เตรียมร้องขอความเป็นธรรม อสส.

          เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2563 - น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความของนางพิณนภา หรือมึนอ พฤกษาพรรณ ภรรยาของนายพอละจีหรือบิลลี่ รักจงเจริญนักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ได้กล่าวถึงกรณีที่ มึนอ ยื่นคำร้องต่ออัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ขอทราบรายละเอียดเหตุผลที่คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 สั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างปี ‪2551-2557 ‬และลูกน้อง 3 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าและข้อหาอื่นรวม 7 ข้อหา โดยสั่งฟ้องเพียงเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ,83 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542  มาตรา 123/2 ,172 จากกรณีที่นายชัยวัฒน์เมื่อจับกุมนายบิลลี่ที่อ้างว่าเก็บน้ำผึ้งป่าแล้วไม่ดำเนินคดี ส่วนกลุ่มลูกน้องอีก 3 คน สั่งฟ้องในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯนั้น

          ภายหลังจากที่ยื่นคำร้องไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รับเอกสารชี้แจงผลการสั่งคดีของอัยการ ทั้งนี้หากยังช้ามากเราก็จะไม่รออย่างเดียว โดยขณะนี้เรากำลังเขียนคำร้องขอเป็นธรรมเพื่อยื่นต่อ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุดด้วย ประเด็นหลักๆ อาทิ เรื่องพันธกิจของอัยการ , เรื่องคำพิพากษาศาลฎีกาที่เคยยกคำร้องขอให้ปล่อยตัวบิลลี่ ที่เราเห็นว่าอัยการยังมองคลาดเคลื่อน เรากำลังทำคำร้องขอความเป็นธรรมอยู่ ยังมีหลายประเด็นที่จะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา ถ้าเราทำเสร็จเร็วทันภายใน 1 อาทิตย์นี้ ก็จะยื่นร้องขอความเป็นธรรมได้เลย

          ส่วนในวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) ที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย นายชัยวัฒน์ กับลูกน้อง รวม 4 คนนั้น หากอัยการจะยื่นฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ไปก่อน เราก็จะยังไม่ไปคัดค้านการประกันตัว ของกลุ่มนายชัยวัฒน์ โดยเราจะรอขั้นตอนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำความเห็นแย้งส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาดก่อน

          เมื่อถามถึง แนวคิดการฟ้องเองในข้อหาร่วมกันฆ่าฯ หากสุดท้ายถ้าอัยการสูงสุดจะชี้ขาดไม่ฟ้อง น.ส.วราภรณ์ ทนายความของภรรยาบิลลี่ กล่าวว่า เราจะรอให้สิ้นสุดกระบวนการ คือ ดูว่าอัยการสูงสุดชี้ขาดออกมาเป็นอย่างไร ถ้าสุดท้ายหากจะชี้ขาดว่ายังไม่ฟ้องข้อหาที่เราเล็งไว้ เราก็ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเอง แต่ก็เป็นที่ทราบว่าการฟ้องเอง ภาระจะตกมากับผู้เสียหาย (ครอบครัวบิลลี่) ที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะต้องไปขอสำนวนพยานหลักฐานทั้งจากดีเอสไอและอัยการมาพิจารณาเพื่อทำสำนวนประกอบการฟ้องนั้น

          ทั้งนี้ น.ส.วราภรณ์ ทนายความภรรยาบิลลี่ ยังกล่าวถึงประเด็นที่ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดยมีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์ ผอ.ทสจ.ปัตตานี ย้ายกลับไปดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (สบอ.) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชด้วย ว่า คำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งครั้งนี้ ฝั่งผู้เสียหายก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่ถ้าเราพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือข่มขู่คนในพื้นที่หรือคนที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหายหรือเครือข่ายชาวบ้านก็พร้อมจะยื่นหนังสือ ถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พิจารณาเรื่องการโยกย้าย อย่างไรก็ดีในส่วนของมึนอ ภรรยาบิลลี่ ตนก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้แต่คิดว่ามึนอก็คงไม่สบายใจ