ข่าว

เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปรมชัย นอนเรือนจำทองผาภูมิ คดีล่าเสือดำ ศาลฎีกายังไม่สั่งคำขอประกันตัว

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เวลา 17.30 น. หลังจากที่ทนายความของนายเปรมชัย กรรณสูต ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวนายเปรมชัย ตั้งแต่เวลา 11.00 น.แต่จนถึงขณะนี้ศาลฎีกา ยังไม่มีคำสั่งลงมาว่า จะอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายเปรมชัยหรือไม่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายเปรมชัย กับพวก ส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำ

 เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว

 

         สำหรับ คดีนี้ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ เช้าวันนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในคดีหมายเลขดำ อ.219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และมีคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 3,012,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ

 เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว

          กรณีจำเลยทั้งสี่ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร วันที่ 3-4 ก.พ.61 ได้ครอบครองซากเสือดำ (ตรวจสอบ อายุ 3-5 ปี น้ำหนัก 30 กก.) ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และซากไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.ที่อยู่ในถังน้ำแข็ง อันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็ได้เข้ามาเป็นผู้ร้อง ยื่นคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วยโดยให้ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย 12,750,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่เสือดำถูกยิงตาย โดยอ้างอิงตัวเลขค่าเสียหายนั้นเปรียบเทียบกับโครงการเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุกรรมเสือโคร่งเพื่อคืนสู่ถิ่นกำเนิดในธรรมชาติ และคิดจากอัตราการรอดตาย ร้อยละ 20 ในการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

 เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว

           จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณาคดี
           ซึ่งคดีนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ที่เป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อปี 2562 ให้จำคุก "นายเปรมชัย กรรณสูต" อายุ 65 ปี ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 รวม 3 ข้อหา ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน , ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน รวมเป็นจำคุกทั้งสิ้น 16 เดือน โดยให้ยกฟ้อง 2 ข้อหาฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)

 เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว

                   "นายยงค์ โดดเครือ" อายุ 67 ปี คนสนิทและคนขับรถของนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 13 เดือน โดยยกฟ้อง 2 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

                                 เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว
                  "นางนที เรียมแสน" อายุ 45 ปี แม่ครัว จำเลยที่ 3 ลงโทษเพียงข้อหาเดียว ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน และปรับเป็นเงินอีก 10,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ซึ่งศาลยกฟ้อง 3 ข้อหาฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่มีเหตุสมควร

                                     เปรมชัย นอนเรือนจำ คดีล่าเสือดำ ศาลฯยังไม่สั่งขอประกันตัว

            "นายธานี ทุมมาศ" หรือพรานแกละ อายุ 58 ปี จำเลยที่ 4 ให้จำคุกข้อหา 6 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , พยายามล่าสัตว์ (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 4 เดือน , ล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี และเก็บของป่า (ซากสัตว์) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือน


          และให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 2 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหายเสือดำ) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 (วันที่เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

                ต่อมาอัยการโจทก์ และจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล พร้อมฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์
              ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์ภาค 7" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 , 31 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง , 47 , 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 
           โดย นายเปรมชัย จำเลยที่ 1, นายยงค์ คนขับรถนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 , นายธานี ที่เป็นนายพราน จำเลยที่ 4 กระทำผิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16,36,47,53 กับพ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธมีดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงฐานเดียว
            และจำเลยที่ 2,4  มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ขณะที่จำเลยที่ 4 ผิดพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 36,53 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 
            ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันทําให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 1 ปี และปรับนางนที แม่ครัวจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท
          ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือด้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท
          ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดซึ่งซากของสัตว์ป่า (ไก่ฟ้าหลังเทา) อันได้มาโดยการกระทำความผิดนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จําคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 2 เดือนและปรับจำเลยที่ 3  เป็นเงิน 10,000 บาท
         ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1,2,4  คนละ 1 ปี 
        โดยเมื่อรวมกับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกจำเลยที่ 2,4 คนละ 3 เดือนในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตโทษกับโทษจำคุก 6 เดือนจำเลยที่ 1 , 2 , 4  ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโทษจำคุกจำแลยที่ 4 เป็นเวลา 4 เดือนในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว

          จึงจำคุก "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1  มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน , "นายยงค์" คนขับรถ จำเลยที่ 2  มีกำหนด 2  ปี 17 เดือน และจำคุก "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน
          ส่วน "นางนที" แม่ครัว จำเลยที่ 3 จำคุกมีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาทโดยโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (จากเดิมศาลชั้นต้นจำคุก 4 เดือนและปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำและไก่ฟ้าหลังเทาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ 2 ปีโดยยกฟ้อง 3 ข้อหาเกี่ยวกับความผิดอาวุธปืน) 
         และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (เดิมศสลชั้นต้นให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานฯ 2 ล้านบาทที่เป็นมูลค่าความเสียหายเสือดำ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 ซึ่งเจ้าหน้าที่พบการกระทำผิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ)
             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ยังสามารถยื่นฎีกาได้อีกภายใน 1 เดือนนับจากที่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้
             โดยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นี้ ได้เพิ่มโทษของจำเลยทุกคน ซึ่งในส่วนของนายเปรมชัยนั้นก็ยังได้มีความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในลักษณะเป็นตัวการร่วม จากเดิมที่ได้ถูกลงโทษฐานเป็นเพียงผู้สนับสนุนการล่าสัตว์ป่า     

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ