ตำรวจคลองตันเรียก นายพลฟอร์จูนเนอร์ขับรถชนแล้วหนี พร้อมคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย ด้านเจ้าตัวอ้างเฉี่ยวเล็กน้อยเลยไม่ได้ลงมาดู พร้อมรับผิดชอบ
จากกรณีเหตุ พลตรี สุรศักดิ์ จิตต์บุญ อายุ 76 ปี ได้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ชนกับรถจักรยานยนต์ แล้วหลบหนี ก่อนจะพุ่งชนรถจักยานยนต์คันที่อยู่ใกล้เคียง จนมีผู้ถ่ายคลิปภาพเหตุการณ์ลงบนโซเชียลจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน โดยต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกพลตรีรายนี้มารับทราบข้อหา "ขับรถโดยประมาทและทำให้เสียทรัพย์" (อ่านข่าว เปิดคลิปจุดเริ่มต้น ลุงนายพลฟอร์จูนเนอร์ ชนแล้วหนี)
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่ สถานีตำรวจคลองตัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ทางพนักงานสอบสวนในคดีนี้ได้เรียกคู่กรณีกับตัวพลตรี มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อไกล่เกลี่ย และ ทางตำรวจงานช่างเครื่อง ตรวจพิสูจน์ กก.5 บก.จร.ได้มาตรวจสภาพรถของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย (อ่านข่าว แก่กะโหลกกะลา อีเจี๊ยบ ด่ายับลุงนายพลชนแล้วหนี)
ทันทีที่ พลตรี สุรศักดิ์ ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจคลองตัน เพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ได้พยามเดินหลบเลี่ยงสื่อมวลชน โดยเดินหลบไปทางหลังแฟลตตำรวจซึ่งเป็นทางเดินแคบ มีสิ่งของวางกีดขวางเส้นทาง
โดย นายวรายุทธ ปิ่นใจ พลเมืองดีผู้เสียหายที่ขับรถตามฟอร์จูนเนอร์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้พูดคุยกับอดีตนายพลคนดังกล่าวและไม่ได้มีการพูดคุยค่าเสียหายกัน วันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญตนมาให้ปากคำพร้อมไกล่เกลี่ยซึ่งเบื้องต้นได้ประเมินความเสียหายน่าจะเกิน 10,000 บาท เพราะศูนย์ถ่วงของรถเสียและมีร่องรอยการชนค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวไม่อยากคุยกับอดีตนายพลเนื่องจากคลิปค่อนข้างชัดเจนว่าอดีตนายพลชนจริงซึ่งชัดเจนอยู่แล้วไม่สามารถแก้ตัวได้ แต่ก็รู้สึกดีใจที่เรื่องนี้ถูกนำเสนอเป็นข่าวเพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นบนท้องถนน ยืนยันว่าถ้าเกิดเหตุการแบบนี้บนท้องถนนก็จะเป็นพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือติดตามเช่นเดิม ทั้งนี้จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเพิ่มเติม
ด้าน นายอนันต์ จันทร์ภู่ ที่เป็นคู่กรณี ระบุว่า ในวันนันก็ขับรถมาตามเส้นทางปกติ สักระยะรถอดีตนายพลได้พยายามเบียดจนทำให้รถของตนเบียดกับฟุตบาทกลางถนน ส่วนอีกฝั่งของรถเบียดกับรถของอดีตนายพล แต่ไม่ได้ล้มลงและไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด จึงไม่เข้าแจ้งความ วันนี้ตำรวจเรียกมาเพื่อให้ข้อมูลและให้ตำรวจงานช่างเครื่องยนต์ได้ตรวจพิสูจน์ร่องรอยการชน ยืนยันไม่ติดใจเอาเรื่อง
ส่วนทาง พลตรีสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า ตอนนั้นที่ไม่ได้ลงจากรถมาดูคู่กรณีขณะชนในครั้งแรก เพราะคิดว่าเป็นการเฉี่ยวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นระหว่างขับมาตามปกติมีรถจักรยานยนต์หลายคันขับตามมาและล้อมรถ จึงกลัวจะได้รับอันตราย ยอมรับว่าเครียดมาก และตอบเพียงสั้นๆว่า ในเรื่องของคดีนั้นจะรับผิดชอบในส่วนที่ตนเองผิดเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ โพยนอก ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยว่า ในคดีนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้มีการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุดำเนินคดี ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และชนแล้วหนี ซึ่งทางผู้ก่อเหตุได้ขอยื่นประกันตัวให้ปล่อยตัวชั่วคราวไปในวงเงิน 15,000 บาท ไปตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว การดำเนินการในส่วนนี้ต้องรอผลตรวจสอบรถคู่กรณี ทั้ง 3 คัน เพื่อนำมาประกอบสำนวน ส่วนที่ 2 ที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งในส่วนนี้สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ พนักงานสอบสวนไม่จำเป็นต้องส่งฟ้องศาล อย่างไรก็ตามวันนี้ได้เรียกคู่กรณีทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติม และมีการตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชน ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง