ข่าว

สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์

สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์

06 พ.ย. 2562

"สมศักดิ์"สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์ แนะเจ้าทุกข์ฟ้องกลับ ด้านผช.รัฐมนตรียุติธรรมออกโรงโพสต์แนวข้อกฎหมาย-คำพิพากษาฎีกา จับพิรุธล่อซื้อ

          เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม บอกถึงกรณีเด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ดำเนินการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้ดำเนินการล่อซื้อจับกุม ซึ่งคนที่ไปดำเนินการเหมือนลักษณะล่อซื้อ น่าจะไม่ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธ์ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ยุติธรรมจังหวัดไปติดตามช่วยเหลือ โดยทราบว่าอาจไม่มีเพียงรายเดียว ซึ่งจะต้องให้การช่วยเหลือทั้งหมด รวมถึงหากรายใดถูกจับกุมอยู่สถานพินิจ ก็จะให้นำกองทุนยุติธรรมไปประกันตัว ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์

          นายสมศักดิ์ ยังเน้นย้ำว่า บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่มีความประสงค์ดำเนินการ โดยหากเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว ก็ต้องบอกกับเจ้าทุกข์ว่า สามารถจะดำเนินคดีกับคนที่มาต้มตุ๋นหลอกหลวงได้ ตามที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ได้สั่งการไปยังยุติธรรมจังหวัด ทุกจังหวัด ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ในช่วงนี้ที่อาจจะเกิดเหตุซ้ำได้ โดยหากเกิดเหตุ ก็ให้เข้าถึงตัวผู้เสียหายโดยเร็ว
           ขณะที่ นายสามาถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ก็ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และภายหลังนายสมศักดิ์มีข้อสั่งการดังกล่าว จึงได้โพสต์แนวทางข้อกฏหมายเกี่ยวกับการล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์ที่ประชาชนให้ความสนใจ พร้อมกับมีแนวคำพิพากษาฏีกา เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนไม่ให้ลงกลตกเป็นเหยื่อ ผ่านเฟซบุ๊ก "สามารถ เจนชัยจิตรวนิช"

          โดยนายสามารถได้โพสต์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า เรื่อง ถูกล่อซื้อ ให้ทำกระทงรูปลิขสิทธิ์ และถูกจับ เรื่องนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ท่านได้สั่งการให้ทางยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมาลงพื้นที่ตรวจสอบ ให้อำนวยความยุติธรรมให้กับน้องที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผมขอหยิบยกคำพิพากษาของศาลฎีกา และแนวทางการพัฒนาของสำนักงานอัยการสูงสุดมาเทียบเคียงให้ให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ สมาชิกได้รับทราบครับ

สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์

          เรื่องนี้เคยมีคำพิพากษาฎีกา แนวทางการพัฒนา ชัดเจนของสำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือเวียนที่อส 0007 (ปผ )/ ว154 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2557 เรื่อง แนวทางการพิจารณา ข้อแตกต่างของการล่อซื้อกับการล่อให้กระทำความผิด ด้วยปรากฏว่าการจับผู้กระทำความผิดโดยการล่อซื้อเป็นวิธีการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด ที่เจ้าพนักงานได้นำมาใช้ในการปราบปรามการกระทำความผิดหลายประเภทโดยเฉพาะ ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ในการจับกุม ปรากฏว่า การกระทำของเจ้าพนักงานไม่ใช่การแสวงหาพยานหลักฐานโดยการล่อซื้อแต่เป็นการล่อให้บุคคล ที่ไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดมาแต่แรก ลงมือกระทำความผิดตามที่ถูกล่อ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังนั้นในการพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการ จึงต้องใช้ความระมัดระวังพิจารณาว่าการกระทำของเจ้าพนักงานเป็นการล่อซื้อหรือล่อให้กระทำความผิด เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจสอบพบว่า มีคำพิพากษาศาลฎีกา ในเรื่องดังกล่าว ที่พนักงานอัยการนำมาใช้ประกอบพิจารณาสำนวนคดี ที่มีการจับโดยการล่อซื้อ หรือรอให้กระทำความผิดได้ดังนี้

สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์

         1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960 /2554 วินิจฉัยว่านาย ร ผู้รับมอบอำนาจ ช่วงจากผู้เสียหายว่าจ้าง จำเลยให้บันทึกเทป เพลงของผู้เสียหาย ลงบนแผ่นซีดี และ VCD Karaoke อันเป็นการก่อให้จำเลยทำซ้ำ ซึ่งงานดนตรีกรรม สิ่งบัน คลิปเสียง และโสตทัศนวัสดุอันมีลิขสิทธิ์ ของผู้เสียหายซึ่งเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไม่ได้กระทำความผิด โดยทำซ้ำงาน อันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย ตามที่โจทก์ฟ้องอยู่ก่อนแล้ว และนำแผ่นซีดี และ VCD Karaoke ที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ ของผู้เสียหายนั้น ออกขายแก่ นาย ร. ผู้ซื้อ อันจะถือเป็นการแสวงหาพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยได้กระทำความผิด ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย ตามพรบลิขสิทธิ์ พ.ศ 2537 มาตรา 31 (1) เมื่อรอผู้รับมอบอำนาจ ช่วงจากผู้เสียหาย เป็นผู้ให้ จำเลยกระทำ การละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย ตามพรบลิขสิทธิ์ พ.ศ 2537 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 27 (1) และ 28 (1) เพื่อให้เจ้าพนักงานจับจำเลยมาดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ที่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดดังกล่าวได้แผ่น cd และ VCD คาราโอเกะที่นาย ร ว่าจ้างจำเลย ให้ทำขึ้นและวีดีโอที่บันทึกภาพเหตุการบันทึกเพลงลงบนแผ่นซีดี ของจำเลยที่ นาย ร แอบถ่ายไว้ เป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ และเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง

          2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4301/2543 วินิจฉัยว่า การที่บริษัทไมโครซอฟท์จ้างนักสืบเอกชน ไปล่อซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยทำทีไปติดต่อซื้อคอมพิวเตอร์จากจำเลยโดยมีข้อตกลงว่าจำเลยต้องแถมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายแก่สายลับด้วย หลังจากจำเลยประกอบคอมพิวเตอร์เสร็จแล้วมีการทำซ้ำ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายลงในฮาร์ดดิส ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และส่งมอบให้กับสายลับ สาเหตุว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นเนื่องจากการล่อซื้อของสายลับ มิใช่ทำขึ้นโดยผู้กระทำมีเจตนากระทำผิดอยู่แล้ว กลอนการล่อซื้อเท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่น กระทำความผิด โจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหาย โดยนิตินัย จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดี

          3.คำพิพากษาฎีกาที่ 4 07 7 /2549 การที่ผู้เสียหาย ใช้ให้นาย อ. สั่งให้จำเลยซื้อแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ของกลางจากตลาดนัดให้ เพื่อที่จะได้หลักฐานในการกระทำความผิดโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าด้วยความสมัครใจของตนเองมาก่อน และพร้อมที่จะจัดหาแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวทันที การที่ผู้เสียหายดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานด้วยตนเองแล้วแจ้งความร้องทุกข์เพื่อนำเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยจึงเป็นกรณีที่ผู้เสียหาย ได้จงใจหรือก่อให้จำเลยกระทำความผิดไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย

สั่งยธ.จังหวัดเร่งช่วยเด็กถูกล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์

          ดังนั้นจะเห็นได้จากคำพิพากษาฎีกาเป็นตัวเทียบเคียงของคดีน้อง เรื่องหลอกให้ทำกระทง ซึ่งหนังสือเวียนฉบับนี้ก็ได้มีการเวียนตั้งแต่ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นดุลพินิจในการฟ้องคดีของพนักงานอัยการ  ผมคิดว่าก็น่าจะปกป้องช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่จะถูกมิจฉาชีพเข้ามาตบทรัพย์ได้

          ซึ่งเรื่องนี้เองทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำให้ทางกระทรวงยุติธรรมลงไปดูแลและให้ความช่วยเหลือ ถ้าพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขที่กระทรวงยุติธรรมได้ หรือที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศหรือที่สายด่วน 1111 กด 77 เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีนโยบายว่าความยุติธรรมต้องเข้าถึงกับประชาชนทุกชนชั้นอย่างเท่าเทียม ดั่งคำว่ายุติธรรมพึ่งได้ประชาชนยิ้มออกนั่นเอง