ชาวบ้านร้องศาลรธน.ป่าไม้ไม่จัดสรรที่ดินทำกิน

 

           ศาลรัฐธรรมนูญ-2 ต.ค.2562-อสท.นำชาวบ้านกว่า 200 ราย ร้องศาลรธน.ระบุไม่ได้รับสิทธิที่ดินทำกิน ในพื้นที่ป่าสงวนฯหมดสัมปทาน ร้องผู้ตรวจฯแต่ไม่รับพิจารณา ขอใช้สิทธิศาลรธน. เหตุรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่จัดสรรที่ดินให้ราษฎร
         

 

 

              นายสุขสันต์ บริเพ็ชร ประธานองค์การตรวจสอบอำนาจรัฐแห่งราชอาณาจักรไทย (อสท.) นำชาวบ้านกว่า 200 คย ผู้เสียประโยชน์จากที่ดินทำกิน กรณีกรมป่าไม้ละเลยไม่จัดสรรที่ดินในเขตป่าสงวนจังหวัดกระบี่ ซึ่งหมดสัมปทานจำนวน 70,000 ไร่ ให้กับราษฎร ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านเดินทางมายังศาลรัฐธรรมนูญโดยรถบัสเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีที่กรมป่าไม้ไม่มอบสิทธิทำกินในที่ดินที่หมดสัมปทานให้กับประชาชน ตามโครงการถือครองที่ดินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการดำรงชีพของราษฎรยุคปฏิรูปประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาในเรื่องดังกล่าว แต่จนถึงปัจจุบันกรมป่าไม้ไม่ดำเนินการจัดสรรที่ดินให้กับราษฎร อสท.จึงเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ผู้ตรวจการฯไม่รับพิจารณาเนื่องจากมองว่า อสท.ไม่ได้เป็นผู้เสียหายที่แท้จริง ในวันนี้จึงต้องนำตัวแทนชาวบ้านที่เป็นผู้เสียหายที่แท้จริงเข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

 

             

   

           นายสุขสันต์ กล่าวว่า เดิมบริษัท ยูนิวานิช จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ขอสัมปทานเช่าใช้ที่ดินจากกรมป่าไม้ เพื่อทำสวนปาล์ม และหมดสัญญาสัมปทานในปี 2556 ซึ่งกลุ่มชาวบ้านมีความเห็นตรงกันว่ารัฐควรจัดสรรที่ดินดังกล่าวให้กับประชาชนผู้ยากไร้ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งเรามาขอใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาว่ากรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญหมวด 5 ว่าด้วยหน้าที่แห่งรัฐ

 

 

       

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การมายื่นเรื่องของประชาชนกลุ่มดังกล่าว ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้ามายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งประสานให้ตำรวจ 1 กองร้อยมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมกับกั้นสถานที่ให้เป็นสัดส่วนเนื่องจากมีผู้ร้องจำนวนมาก และผู้ร้องได้ยื่นร้องเป็นรายบุคคล

                       

 

               สำหรับเหตุพิพาทที่ดินดังกล่าวสืบเนื่องมาจากในปี 2530 รัฐบาลมีนโยบาลให้เอกชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจปาล์มน้ำมัน ในจังหวัดกระบี่จำนวน 14 แปลง เนื้อที่ประมาณ 70,000 ไร่ ปัจจุบันสัมปทานที่ดินได้ทยอยหมดอายุลง รัฐบาลในปี 2546 มีนโยบายจะนำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรให้กับประชาชนที่ยากจนไม่มีที่ดินทำกิน ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่บุกรุกเข้าไปยึดครองสวนปาล์มที่หมดอายุสัมปทานหลายแปลง จนกลายเป็นคดีพิพาทจนถึงปัจจุบัน