ข่าว

ศาลปรับ "จ่าประสิทธิ์" 500 บ. พกปืนเข้าศาล 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จ่าประสิทธิ์" ให้การเมียเอาใส่เป้ให้ระหว่างเข้า กทม. ยื่นอุทธรณ์คดีครอบครองยุทธ์ภัณฑ์ ศาลเห็นยอมให้ รปภ.ตรวจ ไม่มีเจตนาจงใจเอาเข้าศาล

 

             27 มี.ค.62 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก -"จ่าประสิทธิ์" ให้การเมียเอาใส่เป้ให้ระหว่างเข้า กทม. ยื่นอุทธรณ์คดีครอบครองยุทธ์ภัณฑ์ ศาลเห็นยอมให้ รปภ.ตรวจ ไม่มีเจตนาจงใจเอาเข้าศาล แค่สั่งปรับละเมิดอำนาจศาล ขณะที่ ตร.พหลฯ คุมตัว สอบคดีพกปืนต่อ

           เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาล ได้ควบคุมตัว "จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ"  หรือจ่าประสิทธิ์ อายุ 54 ปี อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และอดีต แนวร่วม นปช. เนื่องจากพบว่าได้พกพาอาวุธปืนเข้ามาในบริเวณศาล ขณะเดินทางมายื่นอุทธรณ์ คดีจำคุก 2 ปี ฐานรับของโจรและครอบครองยุทธภัณฑ์ที่เป็นเสื้อเกราะกันกระสุน-หมวกนินภัย (ตัดสินวันที่ 30 ต.ค.61) โดยขณะนำกระเป๋าผ่านเครื่องสแกนตรวจอาวุธ เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาล ตรวจพบว่า มีวัตถุคล้ายอาวุธอยู่ในกระเป๋าเป้ที่สะพายมา จึงทำการตรวจค้น ก็พบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.357 บรรจุลูกกระสุนอยู่เต็มรังเพลิง ซึ่ง รปภ. ได้ควบคุมตัว "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ที่ห้อง ผู้อำนวยการิสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา บริเวณชั้น 2 โดยประสานแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ท้องที่ทราบและเดินทางมาสอบสวน ภายหลังใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมง  ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ก็ได้เสนอศาลตั้งสำนวนกล่าวหา "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" กระทำการละเมิดอำนาจศาล
           

ศาลปรับ "จ่าประสิทธิ์" 500 บ. พกปืนเข้าศาล 

 

           โดยเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ พิจารณาคดีที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ผู้กล่าวหา ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวน "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีพกพาอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .357 พร้อมเครื่องกระสุน เข้ามาในอาคารศาลอาญา โดยฝ่ายผู้กล่าวหา มี รปภ.ศาล ผู้ตรวจพบอาวุธปืนและควบคุมตัว กับนิติกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้าส่วนบริการประชาชน ผู้รับมอบอำนาจจาก ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ขึ้นเบิกความเล่าถึงเหตุการณ์ว่าได้ตรวจพบเจออาวุธปืนดังกล่าว ระหว่างการตรวจค้นบริเวณประตูทางเข้าศาลอาญา

             ขณะที่ "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ผู้ถูกกล่าวหา ก็มีทนายความร่วมแก้ต่างคดี ได้แถลงต่อศาล อ้างว่าอาวุธปืนดังกล่าว ภรรยาเป็นผู้นำใส่ไว้ในกระเป๋าให้ก่อนที่จะเดินทางเข้า กทม. โดยที่ "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ไม่ทราบมาก่อนว่ามีอาวุธปืนอยู่ ซึ่งการเดินทางเข้า กทม.ในครั้งนี้ ก็สืบเนื่องจาก ที่ได้นัดกับทนายความไว้ที่ศาลอาญาเพื่อที่จะมายื่นอุทธรณ์คดีที่ตกเป็นจำเลยในความผิดพ.ร.บ.เครื่องยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 ที่ศาลอาญา ได้พิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา โดยการเดินทางนั้น "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมาแต่เกิดอาการง่วง จึงจอดรถไว้ที่สถานีขนส่ง จ.นครราชสีมา แล้วนั่งรถ บขส. ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเข้าใจว่าในกระเป๋าเป้มีเพียงเสื้อผ้า และเงิน 300,000 บาทที่จะนำมาชำระหนี้ค่าปุ๋ยกับนัดแพทย์เพื่อปลูกผมไว้ โดยระหว่างที่เดินทางเข้ามาในอาคารศาลอาญา ก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจยื่นกระเป๋า ให้ รปภ.ประจำศาลนำเข้าเครื่องสแกนตรวจอาวุธ และเมื่อเครื่องตรวจพบว่ามีอาวุธปืนก็ยังรู้สึกตกใจ จึงขอให้ศาลลงโทษสถานเบา โดยจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก "ศาล" พิจารณาถ้อยคำจากการไต่สวนเเล้ว รับฟังได้ว่า "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ผู้ถูกกล่าวหา พกพาอาวุธเข้ามาในศาลจริง ซึ่งกรณีถือว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล แต่ก็ได้ความว่าระหว่างเข้ามาในบริเวณศาลอาญา "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ยินยอมให้ตรวจค้นอาวุธจึงเห็นว่า ไม่มีเจตนาที่จะก่อความไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล จึงพิพากษาลงโทษปรับ 500 บาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาคดีละเมิดอำนาจศาลแล้ว ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ก็ได้ควบคุมตัว "จ.ส.ต.ประสิทธิ์" ไปยังสถานีตำรวจ เพื่อสอบสวนตามขั้นตอนต่อไปว่าเป็นการพกพาอาวุธปืนฯ ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และไม่ได้รับอนุญาต และพกพอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ หากกระทำผิดก็จะดำเนินคดีอาญาต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ