ข่าว

"ไทย-ออสเตรเลีย" จับมือ ปราบยาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไทย-ออสเตรเลีย จับมือปราบยาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ หลังไอซ์จากสามเหลี่ยมทองคำทะลัก ออสเตรเลียพร้อมหนุนการข่าว สืบค้นตัวบุคคลนำเข้าสารตั้งต้น ลำเลียงยาส่งขาย

 

     ห้องรับรอง กระทรวงยุติธรรม -7 พ.ย. 61 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายปีเตอร์ ดัทตัน รัฐมนตรีกิจการภายในออสเตรเลีย ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงขยายกรอบระยะเวลาดำเนินงานหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้างชาติ ( Taskforce Storm) ระหว่าง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออกเตรเลีย เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศด้านยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ

 

                "ไทย-ออสเตรเลีย" จับมือ ปราบยาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ

       พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงในวันนี้จะทำให้การดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการร่วม Taskforce Storm ดำเนินการต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการจัดการกับภัยคุกคามของอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยประเทศออสเตรเลียจะช่วยด้านการข่าวป้องกันการนำสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เข้าไปในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ พร้อมจะส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เพื่อตรวจวิเคราะห์สืบค้นว่าที่ถูกลักลอบนำเข้าไปในประเทศออสเตรเลียถูกส่งมาจากแห่งผลิตใด

       ด้านนายปีเตอร์ กล่าวว่า กรอบความร่วมมือกับประเทศไทย จะมีเรื่องต่อต้านการก่อการร้ายในภูมิภาคนี้และประเทศต่างๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการฟอกเงินเพื่อสนับสนุนการก่อการร้าย นอกจากนี้ จะยกระดับความสัมพันธ์ในเรื่องการป้องกันและแก้ไขยาเสพติดไม่ให้มีการลำเลียงยาผ่านประเทศไทยเข้าสู่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย ที่ผ่านมาประเทศออสเตรเลียประสบปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะออสเตรเลียมีลักษณะเป็นทวีปทำให้ยาเสพติดจะเข้ามาในประเทศทางเรือและอากาศเท่านั้น โดยยาเสพติดที่นำเข้ามาส่วนใหญ่เป็นยาไอซ์เข้ามาจากสามเหลี่ยมทองคำและตะวันออกกลาง ส่วนยาเสพติดจากเคมีพันธ์จะมีต้นทางจากแหล่งอื่นๆ ได้อีก ขณะที่การหารือกับจีนและอินเดียซึ่งเป็นแหล่งสารตั้งต้นนั้น ประเทศออสเตรเลียมีตำรวจประจำในประเทศต่างๆ อยู่แล้ว และมีการติดต่อช่วยเหลือกันตลอด

           อย่างไรก็ตาม จากผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้ต้องหา รวมถึงสามารถตรวจยึดยาเสพติดในประเทศไทยได้ถึง 3.4 ตัน, สารอีเฟดรีน 3.4 ตัน, สาร GBL 30 ลิตร และกัญชา 3 ตัน และตรวจยึดยาเสพติดในประเทศออกเตรเลียได้ 398 กิโลกรัม, สารอีเฟดรีน 3.4 ตัน และสาร GBL 30 ลิตร อีกทั้งยังนำไปสู่การสืบสวนเครือข่ายการค้าโคเคนข้ามชาติระหว่างไทย ออสเตรเลีย และจีน โดยมีการตรวจยึดโคเคนจำนวน 1.3 ตันที่ประเทศออสเตรเลีย และอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ภายใต้ความร่วมมือ Taskforce Storm ยังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการสืบสวนและปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติของประเทศไทยด้วย

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ