ข่าว

“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้อง"ใช้ได้-ขายได้จริง"

“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้อง"ใช้ได้-ขายได้จริง"

15 ส.ค. 2560

25 ปี สกว.: สร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต” ยกทีมโชว์ผลงานวิจัยไม่ขึ้นหิ้งให้"ครม."ชมก่อนงานจริง"25-26ส.ค.60"“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้องใช้ได้-ขายได้จริง

          เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2560 - รศ. ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสำนักงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ตนได้นำคณะเจ้าหน้าที่และนักวิจัย สกว. เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน “25 ปี สกว.: สร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2560 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ 2 สยามพารากอน  กรุงเทพมหานคร 

           พร้อมกันนี้ได้นำตัวอย่างผลงานวิจัยมาแสดงแก่คณะรัฐมนตรี(ครม.)3 ผลงาน ผนังคอนกรีตกันกระสุนแบบหลายชั้นจากเส้นใยเหล็กและแผ่นยางพารา ไม้สำเร็จรูปประหยัดพลังงาน-ทนน้ำทะเล และบ้านปลอดยุง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สอบถามนักวิจัยว่าขายได้จริงหรือยัง ผ่านมาตรฐานรับรองของหน่วยงานตามที่กำหนดหรือไม่ อีกทั้งราคาต้องเข้าถึงชาวบ้านทั่วไปด้วย ไม่เฉพาะแต่ผู้มีฐานะดีเท่านั้น

“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้อง\"ใช้ได้-ขายได้จริง\"

          สำหรับผลงานวิจัย สกว. ที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการ ”การพัฒนาผนังคอนกรีตกันกระสุนแบบหลายชั้นจากเส้นใยเหล็กและแผ่นยางพาราเพื่อลดการทะลุผ่านและสะท้อนกลับของกระสุน” โดย ศ. ดร.ปิติ สุคนธสุขกุล นายบูชิต มาโห้ และ ดร.สิทธิศักดิ์ แจ่มนาม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้พัฒนาผนังคอนกรีตกันกระสุนที่ลดการทะลุผ่านและสะท้อนกลับกันกระสุน เนื่องจากที่ผ่านมาเน้นการป้องกันการทะลุผ่านของกระสุนปืนเป็นหลัก แต่บางครั้งอาจเกิดการสะท้อนกลับของกระสุนปืนและการกะเทาะออกของเศษคอนกรีต ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้อง\"ใช้ได้-ขายได้จริง\"

         นักวิจัยได้นำแผ่นยางพารามาสลับชั้นกับคอนกรีตผสมเส้นใยเหล็กเพื่อดูดซับพลังงานจลน์ ลดการทะลุผ่าน และการสะท้อนกลับของกระสุนในขณะเกิดการปะทะ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ (1) ศึกษาความสามารถการดูดซับพลังงานจลน์จากกระสุนของวัสดุแต่ละชนิดที่ความหนาต่างกัน (2) ทดสอบการต้านทานกระสุนของผนังแบบหลายชั้น (3) วิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (FEM) เพื่อเปรียบเทียบกับผลทดสอบ ซึ่งพบว่าการดูดซับพลังงานจลน์ของวัสดุแต่ละชนิดเพิ่มขึ้นตามความหนาของวัสดุ โดยคอนกรีตผสมเส้นใยเหล็กมีความสามารถในการดูดซับพลังงานจลน์มากกว่าแผ่นยางพาราที่ความหนาเดียวกัน ทั้งนี้ผนังคอนกรีตกันกระสุนที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานก่อสร้างแบบกึ่งถาวร เช่น บังเกอร์ หรือผนังอาคารที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการก่อการร้าย เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งการนำแผ่นยางพารามาใช้ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศอีกด้วย

          โครงการ “สมบัติทางความร้อน สมบัติทางเสียง กำลังอัด การต้านทานเชื้อจุลินทรีย์ และความทนทานต่อการใช้งานในสภาวะริมทะเลของบ้านพักอาศัยที่ทำจากวัสดุผสมระหว่างพีวีซีและผงขี้เลื่อยไม้” โดย ศ. ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ และนายศิริชัย ก้านกิ่ง คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งออกแบบเพื่อสร้างเป็นบ้านพักอาศัยแบบชั้นเดียว ซึ่งมีการประกอบกันของผนังทั้งในแนวตั้งและแนวนอนโดยปราศจากการยึดด้วยโลหะ

          ทั้งนี้ การก่อสร้างบ้านพักอาศัยในปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นจากผนังคอนกรีตที่มีการก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งเป็นระบบก่อสร้างแบบดั้งเดิมที่ใช้วัสดุ แรงงาน และเวลาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งต้องอาศัยพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการเข้าถึงเพื่อทำการติดตั้ง ดังนั้นการสร้างบ้านพักอาศัยแบบถอดประกอบได้ หรือน็อคดาวน์ โครงร่างบ้านพักอาศัยในงานวิจัยนี้สร้างขึ้นจากวัสดุผสมระหว่างพอลิไวนิลคลอไรด์กับผงขี้เลื่อยไม้ยางพารา เพื่อให้มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา ใช้แรงงาน เวลา และพื้นที่สำหรับการเข้าไปติดตั้งน้อย โดยปกติวัสดุผสมดังกล่าวได้ถูกคิดค้นขึ้นและมีการใช้มาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไม้ที่ใช้จัดอยู่ในกลุ่มของไม้เนื้อแข็ง แต่ความต้องการใช้งานมีมากขึ้น ส่งผลให้ไม้เนื้อแข็งเริ่มมีปริมาณลดน้อยลง การใช้ไม้เนื้ออ่อนเป็นส่วนผสมของการสร้างชิ้นส่วนบ้านพักอาศัยแบบชั้นเดียวจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

          นักวิจัยเลือกใช้ไม้ยางพาราซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีจุดเด่นในด้านปริมาณพื้นที่ผิวจำเพาะและขนาดของรูพรุนที่สูง มีอัตราส่วนของความยาวต่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ต่ำ และเมื่อผสมลงในพอลิไวนิลคลอไรด์แล้วจะทำให้วัสดุผสมที่ได้มีความไม่ชอบน้ำสูง โดยนักวิจัยได้ออกแบบและจัดสร้างเป็นบ้านพักอาศัยแบบชั้นเดียว และศึกษาอิทธิพลของสภาพแวดล้อมริมทะเลที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติต่าง ๆ เช่น สมบัติทางความร้อน สมบัติทางเสียง กำลังอัดและความแข็งแรงของรอยต่อและจุดต่อ การต้านทานเชื้อราและสาหร่าย สมบัติทางแสง และความทนทานต่อไอทะเล สำหรับประยุกต์ใช้เป็นอาคารชั้นเดียวที่ติดตั้งริมชายฝั่งทะเล ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น บ้านพักอาศัยประเภทรีสอร์ท เป็นต้น

 

“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้อง\"ใช้ได้-ขายได้จริง\"

รศ.ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์(คนขวาสุด) ผอ.ฝ่ายสำนังาน สกว. 

        โครงการ “นิเวศวิทยาของยุงและแมลงวันคอกสัตว์ และนัยยะความเป็นไปได้ในการใช้สารสกัดพืช เพื่อควบคุมแมลงพาหะนำโรค” โดย ศ. ดร.ธีรภาพ เจริญวิริยะภาพ เมธีวิจัยอาวุโส สกว. และคณะ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติในการนำไปใช้ป้องกันยุงกัด ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากฝ่ายวิชาการ สกว. พร้อมกับจดสิทธิบัตรเครื่องมือศึกษาคุณสมบัติของสารเคมี เพื่อสร้าง “นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไล่ยุงคุณภาพ”

          รศ. ดร.อภิศักดิ์   กล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญในการใช้สารเคมีควบคุมยุง คือ การดื้อยา คณะวิจัยจึงได้ศึกษาการต้านทานสารเคมีของยุงพาหะ และนำพิกัดทางภูมิศาสตร์ที่พบยุงต้านทานต่อสารเคมีมาวางลงบนแผนที่ขอบเขตของประเทศไทย โดยการให้สัญลักษณ์กับชั้นข้อมูลตามชนิดของยุงและสารเคมีด้วยโปรแกรมซอฟแวร์พิเศษ ทำให้ทราบรายละเอียดของยุงที่ต้านทานต่อสารเคมีในพื้นที่ ซึ่งเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายการจัดซื้อสารเคมีซึ่งในแต่ละปีมีมูลค่าสูงหลายล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการควบคุมยุงพาหะ โดยยุงพาหะนำโรคมาลาเรียทั้ง 7 ชนิดในประเทศไทยจัดเป็นยุงพาหะที่ซับซ้อน ไม่สามารถจำแนกชนิดได้โดยลักษณะทางกายภาพหรือรูปร่างสัณฐานภายนอก มีความหลากหลายทางด้านพฤติกรรม

          "คณะวิจัยจึงรวบรวมข้อมูลการกระจายตัวของยุงในภาคสนามและในห้องปฏิบัตการด้วยเทคนิคขั้นสูง และนำข้อมูลทั้งหมดเข้าระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลจัดทำแผนที่ทางภูมิศาสตร์ แสดงการกระจายตัวของพาหะนำโรคมาลาเรียให้กับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งนับเป็นแผนที่การกระจายของยุงพาหะนำโรคมาลาเรียที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดแบ่งพื้นที่การระบาดของโรคมาลาเรียในประเทศไทย และปรับกำลังเจ้าหน้าที่และงบประมาณให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่มีการระบาดของมาลาเรีย"รศ. ดร.อภิศักดิ์ กล่าว

 

 

“ลุงตู่” ย้ำงานวิจัยต้อง\"ใช้ได้-ขายได้จริง\"

          ศ.ดร.ธีรภาพ เจริญวิริยะภาพ เมธีวิจัยอาวุโส สกว.กล่าวเสริมว่า ยุงหลายชนิดเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน ที่สำคัญที่สุดคือยุงลาย พาหะนำโรคไข้เลือดออก ไข้ปวดข้อยุงลาย และไข้ซิก้า ซึ่งชอบดูดเลือดในบ้านเรือนช่วงเวลากลางวัน การควบคุมและป้องกันโรคในประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับการจัดการยุงพาหะโดยใช้สารไล่ยุง งานวิจัยนี้จึงเป็นต้นแบบในการสร้าง “นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไล่ยุงคุณภาพ” ที่นำมาใช้ภายในบ้านเพื่อไล่ยุงในบ้านให้ออกจากบ้าน หรือป้องกันไม่ให้ยุงเข้าบ้าน โดยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ ได้แก่ ผ้าม่านไล่ยุง วอลเปเปอร์ไล่ยุง สีทาบ้านไล่ยุง เฟอร์นิเจอร์ไล่ยุง (เตียง ตู้ โต๊ะ) เป็นต้น

          "ซึ่งได้แสดงไว้ใน “โมเดลต้นแบบบ้านปลอดยุง” ผลงานวิจัยยังทำให้ชุมชนได้ตระหนักถึงพื้นที่เสี่ยงที่ควรระมัดระวัง และแสดงให้ทราบช่วงเวลาที่พาหะนำโรคออกหากินทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยให้ประชาชนร่วมทำงานวิจัยแบบอาสาสมัคร ทำให้ได้รับความรู้ไปพร้อม ๆ กับนักวิจัยและสามารถนำไปถ่ายทอดใช้จริงในชีวิตประจำวัน"รศ. ดร.อภิศักดิ์ กล่าวในที่สุด