เผยผลสำรวจ! ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้น 60k แต่คนไทยกลับมีกำลังซื้อน้อยลง ? | คมชัดลึก

ข่าวดีของนักลงทุนเมื่อเวลาช่วงเช้าของวันที่ 18 กันยายน 2024 ที่ผ่านมา ราคาของบิทคอยน์ได้พุ่งทะยานถึง 61,144.25 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือว่าขึ้นสูงกว่าจากเดิมพันประมาณ 5.8% โดยราคานี้ส่งผลให้ตลาดคริปโตกลับมาฟื้นตัวและคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับมีลุ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงยิ่งทำให้นักลงทุนหลายคนกำลังมองหาเหรียญ crypto ใหม่ที่จะซื้อเพื่อทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

ล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group ได้กล่าวว่า นักลงทุนให้น้ำหนักประมาณ 67% ว่าเฟดจะทำการลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่ 4.75-5.00% ซึ่งเพิ่มจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 30% เท่านั้น 

แน่นอนว่าด้วยความได้เปรียบของราคาบิทคอยน์บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่อาจลดลงนั้น จะทำให้นักลงทุนดูมีอนาคตที่สดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่บิทคอยน์เกิดปรากฎการณ์ Bitcoin Halving ไป และมีแนวโน้มว่าราคาของบิทคอยน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอีกใน 4 ปีข้างหน้าอาจแตะถึงระดับ 1 แสนดอลลาร์เลยทีเดียว 

แต่อย่างไรก็ตาม เฟดยังไม่มีการออกมาประกาศหรือเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับข่าวลือเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับการหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับคริปโตที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับนโยบายปรับปรุงตลาดคริปโตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเดิมทีราคาของบิทคอยน์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาอย่างต่อเนื่อง และโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเองก็มีแนวโน้มในการลงทุนที่ดี 
 

นอกจากนี้ความเสี่ยงในการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้นก็มีมากอย่างที่คาดไม่ถึง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 0.5% ภายในสัปดาห์นี้โอกาสที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของตลาดคริปโตนั้นอาจพังทลายลง รวมไปถึงเงินบางสกุลอาจไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกเลย

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่ราคาของบิทคอยน์พุ่งขึ้นในช่วงเช้า ช่วงบ่ายของวันเดียวกันกลับลดลงมาเหลือ 60k ในขณะที่โทเค็นสกุลเงินอื่น ๆ อย่าง Ether กลับมีราคาเพิ่มขึ้น 1.4% และเหรียญมีมยอดนิยมอย่าง DogeCoin กลับราคาเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.2% ด้วยเช่นกัน 

แต่ถึงแม้ตลาดคริปโตในช่วงนี้จะมีความสดใสเพียงใด แต่สถิติรายได้ที่น่าตกใจของคนไทยกลับทำให้สามารถมีโอกาสครอบครองบิทคอยน์ได้เพียง 0.125 BTC ต่อปีเท่านั้น !? 

เมื่อมีการคำนวณค่าแรงใหม่ของคนไทยโดยอ้างอิงจากตัวเลขของ สศช. ล่าสุดนั้น พบว่ารายได้ต่อคนของชาวไทยทั้งปีจะอยู่ที่ 7,345 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 245,000 บาท เท่านั้น ในขณะที่ราคาของบิทคอยน์อยู่ในระดับ 6 - 6.1 หมื่นดอลลาร์ 
 

ดังนั้นแล้วรายได้ของคนไทยต่อปีจะสามารถซื้อบิทคอยน์ได้เพียง 0.125 BTC กรณีนี้ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่จะเกิดขึ้น หรือภาระต่าง ๆ ของคนไทย ซึ่งคิดออกมาแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนไทยจะหันมาลงทุนตลาดคริปโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสกุลเงินมูลค่าสูงอย่างบิทคอยน์ 

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่านักลงทุนคนไทยจึงหันไปให้ความสนใจกับโครงการคริปโตใหม่ ๆ ที่มีอนาคต แม้จะเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะทำให้ผู้ถือครองมีโอกาสสร้างรายได้และกำไรจากโครงการเหรียญใหม่ ๆ ที่อยู่ในช่วงพรีเซล เพราะอย่างน้อยทันทีที่โทเค็นเหล่านั้นเข้าตลาดซื้อขายราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดิมพันทีนั่นเอง