
"ช่อ พรรณิการ์" ฟ้องหมิ่นฯ ปมข่าวปลอมสั่งทหารเผยแผนรบ ยืนยันไม่อยากรู้
"ช่อ พรรณิการ์" หอบหลักฐานฟ้องหมิ่นฯ 4 บัญชีดัง ปล่อยข่าวปลอมสั่งทหารเผยแผนรบ ใส่ร้ายพวกเดียวกับ "ฮุน เซน" ทั้งที่ ปชน.เป็นคนแฉสแกมเมอร์-ทุนเทา
22 ธ.ค. 2568 ที่ สน.ทองหล่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อผู้ใช้โซเชียลมีเดีย พงศ์พรหม ยามะรัต, ไกรภพ จันทร์ดี, อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ และบัญชีผู้ใช้ "บวรเดช จึงรุ่งส้มเทา" ในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีถูกตัดต่อบิดเบือนข้อความจากการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และการเผยแพร่ข่าวปลอมดังกล่าว
น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า กรณีดังกล่าวเริ่มต้นจากโพสต์ข้อความที่มีการเผยแพร่และมีผู้นำไปแชร์ต่อ อ้างว่าตนกล่าวเรียกร้องให้มีการเปิดแผนการรบให้ประชาชนทราบ ซึ่งตนไม่เคยพูดข้อความในโพสต์ดังกล่าว อีกทั้งวันที่ถูกอ้างถึง คือวันที่ 17 ธ.ค. 2568 ตนไม่ได้ออกรายการไหนทั้งสิ้น ข้อความนี้จึงเป็นข้อความเท็จ 100% เป็นข่าวปลอมที่ทำให้เกิดความเสียหาย และมีคนนำไปแชร์ต่อ ตนจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีต่อบุคคลอื่นที่เผยแพร่
ที่สำคัญยังมีการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ผ่านเพจไอโออย่าง "บวรเดช จึงรุ่งส้มเทา" พวกตนซึ่งติดตามการทำงานไอโอทหารมาอย่างต่อเนื่อง มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่า บวรเดชเป็นบัญชีระดับแม่ข่ายไอโอทหารดั้งเดิมบัญชีหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้มีการจงใจตัดต่อคลิปจากรายการ "ถกไม่เถียง" เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2568 ที่ตนได้วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งขณะนั้นยังไม่เกิดการรบระลอกใหม่ และยังไม่มีการปราบปราบสแกมเมอร์อย่างจริงจัง
ซึ่งตนในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการความมั่นคงฯ ตั้งคำถามว่ารัฐบาลปาหี่ จะทำอะไรก็พูดอย่างเดียวแต่ไม่มีแผน บอกว่าจะปราบสแกมเมอร์ แต่ก็ไม่มีแผน บอกว่าจะรบก็ยังไม่มีแผนว่าจะรบไปถึงไหน ที่ว่าจะรบให้จบเด็ดขาดขอบเขตอยู่ที่ไหน ประชาชนต้องการทราบ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อไปว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าจะมีการนำไปตัดต่อ จึงพูดต่อทันทีว่าไม่ใช่ให้บอกรายละเอียด ไม่อยากทราบ เพราะว่าถ้าเราทราบกัมพูชาก็จะไปรู้ด้วย จะบอกให้กัมพูชาทราบด้วยทำไม แต่บัญชีบวรเดช รวมถึงเพจต่างๆ กลับตัดมาเฉพาะท่อนที่ต้องการ และตัดท่อนต้นกับท่อนท้ายออกไป นี่คือความจงใจ ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปดูคลิปต้องเห็นอยู่แล้วว่า วินาทีต่อไปตนพูดสัมทับไปแล้วว่าไม่ให้บอกแผนการรบ นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจว่า แม้พูดป้องกันตัวไปแล้ว ก็ถูกนำไปตัดต่อบิดเบือนอยู่ดี ชัดเจนว่าเป็นความจงใจ ให้ประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นด่าทอและเข้าใจผิด การเมืองไทยไม่ควรรับความเป็นพิษจากการเผยแพร่ข้อมูลปลอมที่ทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนไทยด้วยกันเช่นนี้
ตนอยากขอร้องประชาชนชาวไทย ขอให้ไตร่ตรองสักนิดว่า ทำไมพรรคประชาชนถึงถูกพยายามจับคู่ว่าเป็นพวกเดียวกับ ฮุน เซน ถูกพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าขายชาติ ทำให้ไทยเสียเปรียบ ย้อนไปตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลจำได้หรือไม่ว่า ฮุน เซน พอเห็นว่าพรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งก็ปล่อยข่าวปลอมใส่พรรคก้าวไกลว่ามีนโยบายจะผลักดันแรงงานข้ามชาติทั้งหมดออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศไทยอย่างรุนแรง
พอมาสมัยพรรคประชาชน ก็พรรคประชาชนไม่ใช่หรือที่เปิดโปงเรื่อง เบน สมิธ และภาพถ่ายกับนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วมาจนถึงรัฐบาลนี้ บุคคลในพรรคร่วมรัฐบาลล้วนมีภาพร่วมโต๊ะกินข้าว มีข่าวร่วมเรือยอร์ชกับที่ปรึกษาคนสนิทของ ฮุนเซน ไม่ว่าจะเป็น เบน สมิธ หรือ ยิม เลียก หรือกระทั่งมีนายกฯ มีคลิปเสียงหลุดกับ ฮุน เซน แต่วันนี้พรรคการเมืองที่เปิดโปงตรวจสอบกลับถูกขบวนการใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นพวกเดียวกับ ฮุน เซน
ขณะที่นักการเมืองที่ร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ และ ฮุน เซน เดินสายพูดว่า รักชาติแล้วก็ลอยตัวเหนือข้อครหาเรื่องมีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับฮุน เซน
"ขอให้ประชาชนพิจารณาดูว่า พรรคประชาชนจะเป็นพวกเดียวกับ ฮุน เซน ได้อย่างไร จะแฉขบวนการแสกมเมอร์ หัวใจของ ฮุน เซน ต้นกำเนิดของสงครามนี้ไปทำไม และที่พรรคประชาชนโดนป้ายสีแบบนี้เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นให้ประชาชนเข้าใจไปในทางตรงกันข้ามหรือไม่ วันนี้ถ้าจะถามว่าใครที่อยู่ตรงข้ามกับ ฮุน เซน เปิดโปงความชั่วช้าทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่เอาไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน ใช้หนังสือเดินทางทางการทูตที่ ฮุน เซน ออกให้ เข้ามาประกอบอาชญากรรมหลอกลวงประชาชนคนไทย คนที่เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ตลอดมาก็คือพวกเราไม่ใช่หรือ"
น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า ตนขอความเป็นธรรมและขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลในระยะใกล้เลือกตั้งว่า โพสต์ที่ไม่มีที่มาที่ไป คลิปที่ตัดต่อเอาคำมาต่อกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือแม้แต่คลิปเอไอ จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณก่อนเชื่อข่าวสารต่างๆ เข้าสู่การเลือกตั้งแล้วอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ประชาชน จะรัก เกลียด หรือไม่ชอบพรรคประชาชน เป็นสิทธิของประชาชนโดยแท้ ตนเพียงแต่ขอให้การตัดสินใจตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่ข่าวปลอมที่ถูกปั้นขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายป้ายสี แล้วแทนที่ประชาชนจะเข้าใจว่า ศัตรูที่แท้จริงที่กำลังเอาทุนเทาเข้ามายึดครองประเทศนี้คือใคร กลับกลายเป็นการถูกข่าวลวงมาเบี่ยงประเด็นให้เกิดความเข้าใจผิดไปในทางตรงข้าม
สุดท้ายขอฝากถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า วันนี้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว อย่าปล่อยให้กรณีข่าวปลอมและข้อมูลเท็จเป็นแบบเดียวกับกรณีการซื้อเสียงที่ กกต. จับไม่ได้ เรื่องข่าวปลอมกำลังจะเป็นแบบเดียวกัน ข่าวปลอมมีอยู่เต็มไปหมด แต่ กกต. ไม่จัดการอะไรเลย ตนจึงขอเรียกร้องไปยัง กกต. ที่มีหน้าที่กำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนได้เดินเข้าคูหาแล้วตัดสินใจอย่างถูกต้อง รอบด้าน มีข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด การเพิกเฉยแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับที่ กกต. ถูกประชาชนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมทุกคนรู้แต่ กกต. ไม่รู้ว่ามีการซื้อเสียงที่ไหน
ทั้งนี้ หลังการแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนได้พิจารณาหลักฐานทั้งหมดแล้ว จะมีการสอบสวนเอาผิดในข้อหาหมิ่นประมาทที่มีการแจ้งความไปแล้ว และจะมีการเพิ่มข้อหาที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย



