ข่าว

"จิรัฏฐ์" ยันใบสด. 43 ของจริง รับจากมือสัสดี รายเซ็นเดียวกับต้นขั้วกองทัพ

"จิรัฏฐ์" ยันใบสด. 43 ของจริง รับจากมือสัสดี รายเซ็นเดียวกับต้นขั้วกองทัพ

17 ธ.ค. 2568

"จิรัฏฐ์" ยืนยันใบสด. 43 เป็นของจริง ศาลยกฟ้องข้อหาปลอมแปลงเอกสาร เผยรับจากมือสัสดีเอง ไม่เคยถูกกองทัพดำเนินคดี จึงเชื่อเป็นของจริง

จากกรณี นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ อดีต สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นเท็จ หลังแสดงใบผ่านเกณฑ์ทหาร หรือ ใบ สด. 43 ปลอม แล้วนำมาเผยแพร่ในโซเชียล

 

โดยศาลอาญาสั่งจำคุกนายจิรัฏฐ์ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลอนุญาติให้ประกันตัว ตีราคาประกัน 100,000 บาท ไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ

 

16 ธ.ค. 2568 ภายหลังนายจิรัฏฐ์ได้รับการประกันตัว ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ผมได้ประกันตัวออกมาตอนบ่าย 3 ครับ เพิ่งเห็นพาดหัวที่อาจทำให้เข้าใจผิด โดยเฉพาะเรื่องปลอมเอกสาร วันนี้ศาลตัดสินว่าผมไม่ได้ปลอมเอกสารครับ
 

โดยสรุปคำพิพากษาเท่าที่จำได้ ดังนี้

1.ยกฟ้องข้อหาปลอมแปลงเอกสาร

2.ผิดข้อหาใช้เอกสารปลอม “การกระทำของจำเลยกระทบต่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน” สั่งลงโทษ จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา

 


ยังมีข้อเท็จจริง และข้อต่อสู้จำนวนมากที่ศาลยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพูด เช่น

-โจทก์ฟ้อง โดยที่ยังไม่ได้เห็นใบ สด.43 ของผมเลย

-ผมนำเอกสารไปใช้แสดงเพราะเชื่อว่าไม่ไช่เอกสารปลอมแน่นอน ในเมื่อได้รับมาจากมือสัสดี ในสถานที่และในเวลาราชการ ซึ่งตลอด 13 ปีถึงปัจจุบัน ผมไม่เคยถูกกองทัพแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาไม่ไปรายงานตัว หรือข้อหาหนีทหารเลย (หากเอกสารฉบับนี้ปลอม ผมต้องมีความผิดตามข้อหาดังกล่าวในปีถัดไป ไปแล้ว) อีกทั้งลายเซ็นเจ้าหน้าที่ในใบสด.43 ของผม ก็เป็นลายเซ็นเดียวกันกับในเอกสารต้นขั้วที่กองทัพนำมาแสดงเอง เอกสารฉบับนี้จึงเป็นของจริงสำหรับผมอย่างไม่ต้องสงสัย

 

"จิรัฏฐ์" ยันใบสด. 43 ของจริง รับจากมือสัสดี รายเซ็นเดียวกับต้นขั้วกองทัพ

-ในเมื่อยกฟ้องและผมไม่ได้ปลอมเอกสาร ดังนั้นเอกสารฉบับนี้ก็ควรเป็นของจริง

-โจทย์ไม่ได้พิสูจน์ว่า เอกสารของผมเป็นของปลอมอย่างไร และใครเป็นคนปลอม

-โจทย์เพียงชี้แจงกระบวนการออกใบสด.43 และสรุปว่านอกเหนือจากนี้ถือว่าปลอมหมด โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงอื่นเลย

-ศาลอ้างว่าผมเป็น กมธ.ทหาร ย่อมรู้กฎหมาย และรู้ว่าเอกสารฉบับนี้ปลอม ซึ่ง กมธ.ทหาร ไม่ไช่เจ้าหน้าที่ทหารที่ทำงานอยู่ในกับระเบียบ และกระบวนการของทหารครับ

-ในเมื่อผมไม่ได้ปลอมขึ้นมา และผมก็ไม่ใช่สัสดี ผมจะแยกแยะของปลอมกับจริงได้อย่างไร

-ผมไม่มีเหตุจำเป็นต้องนำเอกสารราชการปลอมที่ไม่ได้มีผลทางกฎหมายอะไรอีกแล้ว ไปใช้หาประโยชน์อื่นใด

-การใช้เอกสารที่ไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ แล้ว ถูกต้องโทษจำคุกถึง 2 ปี ไม่รอลงอาญา ผมคิดว่าโทษรุนแรงเกินไป ไม่ได้สัดส่วน

 

ข้อสังเกตเพิ่มเติมในชั้นไต่สวน

-หลักฐานเอกสารที่กองทัพใช้ ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ถูกทำลายแล้ว (มีการเจาะรูขนาดใหญ่กลางเอกสาร)

-ภาพที่กองทัพนำมาใช้เป็นหลักฐาน เป็นภาพจาก tiktok ของนายทันกวิน ที่อัดคลิปโจมตีผมจำนวนมาก และเจ้าตัวก็มาคัดค้านการประกันตัวผมทุกครั้ง ทุกคดี

-ประวัติอาชญากรรมในคดีไม่ไปรายงานตัวเมื่อ 13 ปีที่แล้วของผม ซึ่งโจทก์นำมาเป็นหลักฐาน มีข้อความระบุว่า ”เป็นมติให้เก็บไว้ใช้เพื่อประโยชน์ในราชการ” ลงวันที่ก่อนผมถูกฟ้องร้อง 8 เดือน และในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีการขอคัดสำเนาคำพิพากษาในคดีไม่ไปรายงานตัวเมื่อ 13 ปีก่อนที่ศาลฉะเชิงเทราโดยปลัดอำเภอ และสารวัตร สภอ.บางปะกง โดยไม่ทราบจุดประสงค์

-นายทหารพระธรรมนูญช่วยราชการยศพันโทที่ได้รับคำสั่งให้ดำเนินคดีผม ใช้หลักฐานกล่าวหาจากภาพของรายการ politic ในขณะที่ผมให้สัมภาษณ์ ซึ่งจะมีบางช่วงบางตอนที่ผมได้หยิบเอกสารดังกล่าวออกจากกระเป๋าเสื้อและกำไว้ในมือ ซึ่งนายทหารยศพันโทท่านนี้ ซูมเข้าไปยังร่องนิ้วของผมขณะถือเอกสารและอ้างว่าเห็นเป็นเลขลำดับที่เอกสาร ซึ่งไม่ตรงกับต้นขั้วที่ชื่อนวรินทร์ จึงฟันธงว่าเป็นของปลอม

-ผมพยายามไล่ดูคลิปแบบ frame by frame อย่างน้อย 3 รอบแล้ว ก็ยังไม่เห็นตัวเลขที่ว่าแบบชัดๆ

-สิ่งที่ชัดที่สุด คือนายทหารยศพันโทท่านนี้มีความมุ่งมั่นและความพยายามมากเพื่อจะหาหลักฐานมาเอาผิดผมให้จงได้

 

จากข้อสังเกตเพิ่มเติมที่ว่ามา ผมรู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้งจากรัฐไทย(หลายหน่วยงาน) ที่ทำเรื่องนี้กันอย่างเป็นขบวนการ และมีแบบแผน โดยมีฝ่ายความมั่นคงเป็นหัวเรือใหญ่ วันนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าได้ทำอะไรผิดพลาดไปในอดีต ซึ่งผมก็ได้รับโทษไปเรียบร้อยแล้ว จากการถูกสังคมตั้งคำถาม และบางคนก็นำมาใช้ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่นั่นเป็นความจริงที่ผมปฏิเสธไม่ได้ ต้องน้อมรับและอดทนต่อไป แต่กับคดีนี้ที่ชัดเจนว่าเป็นคดีการเมือง ทั้งกระบวนการฟ้องร้อง รวมถึงคำตัดสินที่ออกมา ผมจึงต้องสู้ต่อเพื่อขอความเป็นธรรมในชั้นอุทธรณ์ครับ