
ไทม์ไลน์ จากวิกฤตการเมืองสู่ "รัฐบาลอนุทิน" คืนอำนาจประชาชน "ยุบสภา" เร็วกว่ากำหนด
จาก 29 ส.ค. สู่ 11 ธ.ค. "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" คืนอำนาจให้ประชาชนเร็วกว่ากำหนด เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งใหม่ในปี 2569
กว่าจะเป็นรัฐบาลอนุทินถึงทุกวันนี้ กระทั่งประกาศยุบสภา หากใครจำได้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ขึ้นสู่อำนาจต่อหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
ช่วงที่ 1: การสิ้นสุดอำนาจและการรวบรวมเสียง
วันที่เหตุการณ์สำคัญ
29 ส.ค. 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งด้วย (แต่ยังรักษาการ)
29 ส.ค. 2568 นายอนุทิน เดินสายจีรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการเจรจา พรรคพลังประชารัฐ, พรรครวมไทยสร้างชาติ (กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น), กลุ่มพรรคเพื่อไทย (นำโดยนายศักดา วิเชียรศิลป์) และหารือแกนนำพรรคประชาชน
3 ก.ย. 2568 พรรคประชาชน ยื่น 5 ข้อเสนอ เช่น ยุบสภาใน 4 เดือน และเร่งรัดการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อแลกกับการโหวตสนับสนุนให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยนายอนุทินเงื่อนไขดังกล่าส เพื่อจัดตั้ง "รัฐบาลเสียงข้างน้อย"
ช่วงที่ 2: การโหวตและการเข้าสู่ตำแหน่ง
5 ก.ย. 2568 โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับเลือกเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย (ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สส.)
6 ก.ย. 2568 ประธานสภาฯ นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
19 ก.ย. 2568 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทิน
24 ก.ย. 2568 นายอนุทินนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ และประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษครั้งแรกในเย็นวันเดียวกัน
29 - 30 ก.ย. 2568 รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ช่วงที่ 3: การสิ้นสุดอำนาจ
11 ธ.ค. 2568 นายอนุทิน ประกาศ "ยุบสภา"
12 ธ.ค. 2568 โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา "ยุบสภา" ถือเป็นการยุบสภาอย่างเป็นทางการ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้การเลือกตั้งใหม่หลัง พ.ร.ฎ.ยุบสภา มีผลวันที่ 12 ธันวาคม 2568จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายใน 45–60 วัน โดยคาดว่าจะมีการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 1 ก.พ.69 หรือ 8 ก.พ.69



