
ไทยภักดี สู้ศึกเลือกตั้ง 69 ชูประหารคนโกง ขจัดทุนเทา ยกเครื่องการเมือง
"หมอวรงค์" นำทัพ "ไทยภักดี" เปิดตัว 100 ผู้สมัคร ชูจุดแข็ง "การเมืองสีขาว" ปราบโกง ประหารนักการเมืองทุจริต 100 ล้าน ดักคอ "อนุทิน" อาจยุบสภาเร็ว ๆ นี้
23 พ.ย. 2568 พรรคไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมด้วย นายปฏิยุทธ ทองประจง เลขาธิการพรรคไทยภักดี แถลงข่าวเปิดนโยบายเรือธง ภายใต้หัวข้อ “ยกเครื่องประเทศไทย ด้วยการเมืองสีขาว” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้งระบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ประมาณ 100 คน
ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งปี 2569 มากกว่าการเลือกตั้งปี 2566 นพ.วรงค์ กล่าวว่า แม้การเลือกตั้งปี 2566 พรรคไม่มี สส.ในสภาฯ แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นคือ ส่วนหนึ่งของการเติบโต ได้เรียนรู้ความผิดพลาด เพื่อพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับพรรค ซึ่งระยะเวลากว่า 5 ปี พรรคไม่เคยทิ้งประชาชนและอุดมการณ์ความถูกต้อง วันนี้พรรคมีความพร้อมมากกว่าการเลือกตั้งปี 2566 โดยระยะเวลา 2 ปีหลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคยืนหยัดในอุดมการณ์และทำหน้าที่ฝ่ายค้านนอกสภาฯ จนทำให้มีผู้ร่วมอุดมการณ์เดินเข้าสู่พรรคจำนวนมากเพื่อร่วมกันยกเครื่องเปลี่ยนแปลงประเทศ สร้างการเมืองสีขาว
นพ.วรงค์ กล่าวว่า จุดแข็งของพรรคไทยภักดี คือ ทำจริง สู้จริง ไม่ใช่แค่สร้างกระแสฉาบฉวย การปราบโกง คนโกงต้องถูกกระบวนการยุติธรรมลงโทษ นโยบายเรือธงของพรรค คือ ยกเครื่องปราบโกง นักการเมืองโกงความเสียหายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปประหารชีวิตสถานเดียวและห้ามขอพระราชทานอภัยโทษ ยกเครื่องตำรวจ หยุดวงจรส่วย ทุนเทา โอนตำรวจไปสังกัดจังหวัด ยกเครื่องความมั่นคง ยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เพื่อปกป้องอธิปไตยชาติ ยกเครื่องการเมือง ตัดสวัสดิการ สส.-สว. ยกเครื่องเศรษฐกิจ รื้อโครงสร้างราคาข้าวทั้งระบบ ประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 15,000 บาท
ยกเครื่องแรงงาน ดูแลแรงงานนอกระบบ คุ้มครองสิทธิพื้นฐานกลุ่มชาติพันธุ์ ยกเครื่องกองสลากฯ เรียกคืนโควตาสลากฯจากนักการเมือง นายทุน จัดสรรให้คนพิการที่ขายสลากฯจริง ยกเครื่องบอร์ด สปสช.เพิ่มสัดส่วนให้หมอหรือคนที่ทำงานจริง ยกเครื่องพลังงาน ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าสะอาด ใช้ราคาเป็นเงื่อนไขแข่งขันเพื่อนำไปสู่ไฟฟ้าเสรี เป็นต้น
นพ.วรงค์ กล่าวว่า นอกจากผู้สมัครที่เปิดตัวในวันนี้ พรรคเตรียมส่งผู้สมัคร สส.ระบบแบ่งเขต ในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ กทม.และภาคใต้ รวมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อ รวมประมาณ 150-200 คน โดยจะใช้กลยุทธ์หาเสียง ทำความเข้าใจและนำเสนอความจริงแก่ประชาชนในทุกช่องทาง
“เรามีความหลากหลายของผู้คน มีลักษณะของพรรคมวลชน มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากประสบการณ์ ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้พิพากษา นายตำรวจ เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ยกเครื่องกระบวนการยุติธรรม ปราบโกง ปราบทุนเทา สร้างนิติรัฐ ให้ทุกคนเสมอภาคภายใต้กฎหมาย มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จร่วมยกเครื่องนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างความเข้มแข็งจากเศรษฐกิจฐานราก สร้างดุลกับทุนผูกขาด มีเกษตรกรรุ่นใหม่ ร่วมยกเครื่องโครงสร้างราคาข้าวที่เป็นธรรม มีผู้นำแรงงานร่วมยกเครื่องแรงงาน มีคนหนุ่มสาวที่ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงร่วมยกเครื่องการเมืองเพื่อสร้างอำนาจรัฐของคนทั้งประเทศ มีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ คนพิการ มีทีมงานหลังบ้านจากทั่วประเทศที่พร้อมเดินไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ ทำอุดมการณ์พรรคให้เกิดขึ้นจริง” หัวหน้าพรรคไทยภักดีกล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พรรคเรียนรู้ เติบโตจากความพ่ายแพ้ จึงคาดหวังว่าในการเลือกตั้งปี 2569 ประชาชนจะมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยเรียนรู้จากปัจจุบันและอดีต ลงโทษนักการเมืองที่สร้างความวิบัติ อัปลักษณ์ให้ประเทศ ส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงสร้างการเมืองสีขาว สร้างประเทศที่แข็งแรงกว่าที่เคยเป็นมา
จากนั้น นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรคในการเตรียมการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ว่า การที่เราเปิดตัวผู้สมัครสส.ในวันนี้ต้องพร้อม ยุบสภาวันนี้เราก็พร้อมเลือกตั้ง เมื่อถามว่าจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตหรือไม่นั้น นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตั้งเป้าไว้ที่150-200 เขต พื้นที่ไหนที่เราประเมินแล้วทุนเทาระบาดหนักจะไม่ส่ง เราส่งในพื้นที่ที่คิดว่าประชาชนมีจิตใจที่สู้กับทุนเทาได้
เมื่อถามต่อว่ามีพื้นที่ไหนปักธงไว้หรือไม่ นพ.วรงค์กล่าวว่า พื้นที่ที่มั่นใจคือพื้นที่ภาคใต้ และกทม. แต่ยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครครบทุกภาค
เมื่อถามถึงจุดแข็งที่จะนำไปขายเพื่อให้ประชาชนเลือกนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า เราประกาศชัดเจนเรื่องการเมืองสีขาว คือนโยบายการปราบปรามการทุจริต นโยบายเรื่องด้านความมั่นคง รวมถึงทั้งนโยบายการยกเลิกเอ็มโอยู43-44 และนโยบายเรื่องข้าว วันนี้บ้านเราทุนสีเทาระบาดหนัก กระจายครอบคลุมไปหมด จึงขอสื่อสารไปยังประชาชนว่าเงินสีเทาอย่าคิดว่าเป็นแค่เงินพนันออนไลน์ หรือเงินจากสแกมเมอร์เท่านั้น เงินทุจริต เงินผูกขาด เงินที่ส่งมาจากต่างชาติที่มาสนับสนุนเอ็นจีโอ แต่มาช่วยเหลือพรรคการเมืองถือว่าเป็นเงินสีเทาทั้งหมด ซึ่ง ระบาดไปเกือบทุกพรรคเราจึงต้องใช้การเมืองสีขาวเข้าไปต่อสู้เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ
เมื่อถามอีกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่ได้ซักคนครั้งนี้จะมีการปรับกลยุทธ์ และตั้งเป้าไว้ที่เท่าไร นพ.วรงค์ กล่าวว่า เราพร้อมรบขนาดนี้ต้องมั่นใจ จากการเรียนรู้ในอดีต คิดว่าประชาชนได้เรียนรู้ว่าเมื่อ สส. เข้าไปแล้วทำไมกลายเป็นนักการเมืองสีเทา ไม่ใช่แค่เฉพาะในสภา ทั้งวงการตำรวจ วงการราชทัณฑ์ และวงการต่างๆทั่วไปหมด ดังนั้นการเลือกตั้งรอบนี้อยากให้อยากให้ประชาชนประเมินให้ดี หากเลือกตามกระแสจะได้แบบเดิม แต่ถ้าต้องการการเปลี่ยนแปลงก็ขอมาเลือกการการเมืองสีขาว
เมื่อถามต่อว่านโยบายที่มีจะสู้แชมป์เก่าในพื้นที่ได้หรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ถ้าประชาชนใช้สติคิดวิเคราะห์เราสู้ได้ทุกพรรค
“ผมยืนยันและขอให้บันทึกคำพูดว่า ถ้าไม่เลือกพวกเราเข้าไป เราจะเห็นการเมืองเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ในช่วงการหาเสียง มีการปั่นกระแส เพื่อหลอกลวงประชาชนในช่วงหาเสียงเลือก ไทยภักดีถูกสร้างมาบนพื้นฐานของความเป็นจริง ความยุติธรรมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าวันพรุ่งนี้ ย้ำว่าถ้าเลือกเหมือนเดิม สภาพสังคมก็จะเหมือนเดิม”นพ.วรงค์กล่าว
เมื่อถามอีกว่า มองไทม์ไลน์การยุบสภาอย่างไรบ้าง นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนคิดว่านายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย น่าจะยุบสภาเร็วๆนี้ ดูการเตรียมความพร้อมต่างๆเหมือนกับว่า จังหวะที่ฝ่ายค้านทำท่าที่จะซักฟอกเลยฉวยโอกาสยุบสภาว่า เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาพร้อมกว่าคู่แข่ง ดีไม่ดีเปิดสภามาวันที่ 12 ธ.ค. อาจจะยุบเลยก็ได้



