
ศาลฯ ยกฟ้อง "สว.นันทนา" คดีหมิ่นประมาท ชี้ "คนขายหมู" ไม่หมิ่นประมาท
ศาลแขวงดุสิต พิพากษา ยกฟ้อง "สว.นันทนา" คดีหมิ่นประมาท ชี้ คำว่า "คนขายหมู" ไม่ใช่การด้อยค่า
10 พ.ย. 2568 ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ 562/2568 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ว่า น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ไม่มีความผิดฐาน "หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา" ด้วยถ้อยคำว่า นางแดง กองมา สว. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีกรณีจำเลยให้สัมภาษณ์ประเด็น "คนขายหมู"
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์เบิกความ ประกอบเอกสารว่า ตามวันเวลาตามฟ้อง จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า "...ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเกลี่ยอันนี้เช่นเดียวกัน ..ดิฉันเองสอนและทำงานเกี่ยวกับเรื่องของ พัฒนาการเมืองมาโดยตลอด ดิฉันถูกโหวตให้ออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมืองค่ะ ได้คนขายหมูเข้ามาอยู่ในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองค่ะ
จากผลการโหวตของผู้ที่สมัครเข้ามา ก็ใช้เสียงข้างมากเช่นเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ขอฟ้องประชาชนนะคะว่า กระบวนในการคัดสรรผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการไม่ได้เป็นไปตามฐานหรือว่าโปรไฟล์ประวัติกลุ่มของคนที่สมัครเข้ามาเป็น สว.เลย แต่ใช้วิธีการ กระบวนการ คือ ใช้เสียงข้างมากในการโหวต.." และสื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้ไประชาชนรับทราบทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อโซเชียล
ศาลเห็นว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นสมาชิกวุฒิสภาและโจทก์เป็นคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
การที่จำเลยกล่าวถึงผลกระทบ ว่าจำเลยซึ่งสอนและทำงานเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอด ถูกโหวตให้ออกจากกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และได้โจทก์ซึ่งมีอาชีพแม่ค้าขายหมูเข้ามาอยู่ในกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และพูดต่อไปถึงกระบวนการคัดสรรว่าใช้เสียงข้างมากในการโหวตนั้น
ย่อมหมายถึงจำเลยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนการในคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง ว่าการโหวตโดยใช้เสียงข้างมาก จะทำให้ได้รับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญไม่ตรงกับคุณสมบัติที่ใช้ในการปฏิบัติงาน โดยจำเลยยกตัวอย่างว่า ได้คนขายหมูเข้ามาทำงานเกี่ยวกับกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง ซึ่งการกล่าวถึงอาชีพนั้นเป็นเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น
หาได้แปลความขยายความได้ถึงขนาดเป็นการด้อยค่าโจทก์ ซึ่งโจทก์เองก็ตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า โจทก์เองก็มีความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง ดังนั้นการเป็นคนขายหมู หาได้หมายถึงว่าจำเลยถูกด้อยค่า ว่าเป็นผู้ไม่มีความรู้ความสามารถ หรือหมิ่นความเป็นมนุษย์ไม่
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาบริบทของข้อความที่จำเลยได้ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวต่อไปในคราวเดียวกับที่โจทก์ฟ้องอีกว่า "..ทั้งนี้ จึงได้คนที่เข้ามาเป็น กมธ.ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่...และกลุ่มคนที่จะเข้ามาเป็น สว. ก็ไม่ได้แสดงความรู้ความสามารถให้ตรงกับบทบาทของ กมธ."
ย่อมส่อแสดงถึงเจตนาของจำเลย ว่าต้องการพูดถึงกระบวนการในการใช้เสียงข้างมาก มาโหวตจะทำให้ได้กรรมาธิการซึ่งไม่ตรงกับภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
ดังนั้น การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน จึงล้วนเป็นข้อเท็จจริงและการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการคัดสรรบุคคลที่เข้าดำรงตำแหน่งกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองเท่านั้น และเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดนอกเหนืออันจะส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่น พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง
พิพากษายกฟ้อง



