
เจาะลึกชีวิต "ลียง พัด" ราชาแห่งเกาะกง มหาเศรษฐีเขมร เอี่ยวสแกมเมอร์
เจาะลึกชีวิต 'ลียง พัด' ราชาแห่งเกาะกง มหาเศรษฐีเขมร เอี่ยวสแกมเมอร์ ไทยเล่นยาแรงประกาศถอนสัญชาติไทย ปปง.สั่งอายัดทรัพย์สิน
ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการผู้มีอิทธิพลข้ามชาติ เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายสัญชาติ ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย ถอนสัญชาติไทย ของ ออกญา ลี ยงพัด หรือที่รู้จักกันในชื่อไทยว่า พัด สุภาภา หรือ "เสี่ยพัด" สมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 ด้าน ปปง.สั่งอายัดทรัพย์สินซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการถูกทางการสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรอย่างรุนแรง
การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตร "ลียง พัด" และอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่าง L.Y.P. Group ภายใต้กฎหมาย Global Magnitsky Act โทษฐานมีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทา การหลอกลวงทางไซเบอร์ และการ บังคับใช้แรงงาน ในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
เปิดมิติชีวิตส่วนตัวของ ออกญา ลี ยงพัด หรือ พัด สุภาภา (เสี่ยพัด) นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลที่เพิ่งถูกถอนสัญชาติไทย ท่ามกลางกระแสข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์
จากลูกหลานจีนไหหลำ สู่การได้สัญชาติไทยที่ตราด
ลี ยงพัด เกิดที่อำเภอเสาธง จังหวัดกำปอด (ปัจจุบันคืออำเภอเขมรภูมินทร์ จังหวัดเกาะกง) ในครอบครัวชาวจีนไหหลำ แต่บางข้อมูลระบุว่าเขามีเชื้อสายไทยจากเกาะกงด้วย จุดพลิกผันสำคัญในชีวิตคือช่วง สงครามในประเทศกัมพูชา ที่ทำให้ครอบครัวของเขาต้อง อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดตราด และเป็นช่วงที่เขาได้รับ สัญชาติไทย พร้อมทั้งใช้นามสกุล "สุภาภา" ซึ่งเป็นของญาติในฝั่งไทย เมื่อเขมรแดงสิ้นอำนาจในปี พ.ศ. 2522 ลียองพัดได้กลับไปปักหลักทำธุรกิจที่เกาะกงอีกครั้ง โดยเริ่มต้นจากการนำเข้าเครื่องยนต์เก่าจากสิงคโปร์ ก่อนจะขยายอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ด้วยการได้รับโอนธุรกิจ ผูกขาดการนำเข้าบุหรี่ จากต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว จนกลายเป็นรากฐานของ LYP Group ในปัจจุบัน
ลูก 5 คนเกิดในไทย ถือสัญชาติไทยทุกคน!
แม้ปัจจุบัน ลี ยงพัด จะถูกถอนสัญชาติไทย แต่เขาเคยถือครองถึงสองสัญชาติ คือ กัมพูชาและไทย สำหรับชีวิตครอบครัว เขาได้สมรสกับ กิม เฮียง (มีชื่อไทยว่า มานี สุภาภา) และมีบุตรรวมกันถึง 5 คน ซึ่งประกอบด้วย:
ลี อาพร (ชื่อไทย: อาพร สุภาภา)
ลี เยาวลักษณ์ (ชื่อไทย: เยาวลักษณ์ สุภาภา)
พัด บุนฮัว
ออกญา ลี โชคชัย (บุตรชาย)
นิโต้ เอช. ลิม (บุตรชาย)
ข้อมูลระบุชัดเจนว่า บุตรทั้งห้าคนของ ลี ยงพัด ล้วนเกิดในประเทศไทย และถือสัญชาติไทยทั้งหมด ซึ่งประเด็นสัญชาติของบุตรเหล่านี้อาจกลายเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อไปหลังบิดาถูกถอนสัญชาติ
การเกี่ยวดองกับตระกูล "กก อาน"
ความสัมพันธ์ของตระกูล "สุภาภา" ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของกัมพูชา โดยเฉพาะการแต่งงานของบุตรสาว:
เยาวลักษณ์ สุภาภา ได้สมรสกับ ฝู แซผิง (ชื่อไทย: กิตติศักดิ์ คล่องกิจกล) ซึ่งเป็นบุตรชายของ กก อาน นักธุรกิจเชื้อสายจีนผู้ทรงอิทธิพลแห่งเกาะกงอีกคนหนึ่ง
ส่วนบุตรสาวอีกคน คือ อาพร สุภาภา สมรสกับ เซง เยอะ (Seng Nhak) ซึ่งเป็นนักธุรกิจเช่นกัน
การเกี่ยวดองในลักษณะนี้เผยให้เห็นถึงเครือข่ายความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างตระกูลนักธุรกิจใหญ่เชื้อสายจีน-ไทยเกาะกง ที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจและการเมืองของกัมพูชาและไทยชายแดนมาอย่างยาวนาน
เปิดอาณาจักร L.Y.P. Group และมลทิน 'ค้ามนุษย์'
ลี ยงพัด หรือ พัด สุภาภา เป็นเจ้าของบริษัท แอลวายพีกรุป (LYP Group) ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในกัมพูชา ดำเนินธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่ อสังหาริมทรัพย์, นิคมอุตสาหกรรม, บ่อนกาสิโน, ยาสูบ, พลังงานไฟฟ้า, ไปจนถึงการท่องเที่ยว โดยมีธุรกิจหลักอยู่ในจังหวัดเกาะกง บ้านเกิดของตนเอง นอกจากนี้ เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา และที่ปรึกษาส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่าง ฮุน เซน อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อาณาจักรธุรกิจของ "เสี่ยพัด" ถูกเชื่อมโยงกับข้อครหาและมลทินมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เรื่องการใช้แรงงานเด็ก, การบังคับขับไล่ที่ดิน, ชื่อเสียงด้านการหลอกลวงทางไซเบอร์, ไปจนถึงการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่สหรัฐฯ ชี้ขาดล่าสุด
'รีสอร์ทนรก' ที่ O-Smach เหยื่อถูกช็อตไฟฟ้า-กระโดดตึกดับ!
รายงานจากสหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่า โรงแรมและรีสอร์ทถึง 4 แห่งในเครือ L.Y.P. Group ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับ บังคับใช้แรงงาน ในธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ โดยเฉพาะ O-Smach Resort ที่ถูกบรรยายว่าเป็น "รีสอร์ทนรก" ซึ่งเหยื่อที่ถูกล่อลวงมาทำงานจะต้องถูกยึดหนังสือเดินทาง ถูกบังคับให้หลอกลวงเงินจากเหยื่อรายอื่น และต้องเผชิญกับการทำร้ายร่างกายอย่างทารุณด้วยการ ช็อตไฟฟ้า จนมีรายงานสลดว่ามีผู้เคราะห์ร้ายถึง 2 รายที่ตัดสินใจ กระโดดตึกเสียชีวิต เพื่อหนีจากชะตากรรมอันโหดร้าย
การถูกถอนสัญชาติไทยของ "ลียง พัด" ในครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ดำเนินการ อายัดทรัพย์สิน ของเขามูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนของทางการไทยต่อการไม่ยอมรับอาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์ที่พัวพันกับผู้มีอิทธิพลระดับสูง



