ข่าว

เปิดสาเหตุ พรรคประชาชน ดันนิรโทษกรรมคดี 112 ให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี 

เปิดสาเหตุ พรรคประชาชน ดันนิรโทษกรรมคดี 112 ให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี 

21 ต.ค. 2568

สส.พรรคประชาชน ขอสภาดันนิรโทษกรรมคดี 112 แบบมีเงื่อนไขให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เปิดโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิต

21 ต.ค. 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ในวาระ 2 และ 3 โดยเป็นการพิจารณาเรียงตามลำดับมาตรา เมื่อถึงมาตรา 3 ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 11 พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายว่าในมาตรา 3 ตนสงวนความเห็นไว้ว่า

 

"ภายใต้บังคับมาตรา 6 พ.ร.บ.นี้ มิให้มีผลนิรโทษกรรมแก่การกระทำความผิดฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 การกระทำความผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัส และการกระทำความผิดต่อส่วนตัวหรือที่เป็นการกระทำที่ต้องรับผิดต่อบุคคลใดที่มิใช่หน่วยงานของรัฐ เป็นการเฉพาะรายหรือเฉพาะกลุ่ม ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดมีอายุเกินสิบแปดปีในขณะกระทำความผิด"

 

จากข้อความดังกล่าว ในชั้นกรรมาธิการรวมถึงเพื่อนสมาชิกหลายคน มีความกังวลอย่างยิ่งว่า เราจะไปแก้ไขมาตรา 3 ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของ พ.ร.บ. นี้หรือไม่ ซึ่งตนขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่เราพิจารณาคือจะแก้กฎหมายอย่างไรให้เยาวชนได้รับประโยชน์จากมาตรานี้ โดยที่ไม่ไปแตะหัวใจสำคัญของร่างกฏหมาย ซึ่งข้อความที่ตนเพิ่มเข้าไป หมายความว่ามาตรา 3 ที่ล็อกเอาไว้ไม่ให้มีการนิรโทษกรรมคนบางกลุ่ม จะไม่รวมในกรณีที่อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ 
 

"ตอนนี้ยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองอีกหลายคนที่รอเราอยู่ข้างนอก และมีข้อวิจารณ์มากมายว่า การผ่านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ที่ไม่ไปแตะในมาตรา 3 จะเป็นการนิรโทษกรรมให้กับคนบางกลุ่มบางส่วนหรือไม่ ละทิ้งผู้ต้องขังทางการเมืองบางกลุ่มหรือไม่"

 

ศศินันท์ กล่าวต่อว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่เราถกเถียงกันทั้งในสภาและในชั้นกรรมาธิการ แต่ตนขอความเห็นใจและขอความเข้าใจจากเพื่อน สส. ทุกคนว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องแก้ไขในมาตรา 3 โดยเพิ่มข้อความตามที่ตนสงวนความเห็นไว้ เพื่ออย่างน้อยจะปลดพันธนาการให้แก่คนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ กลับมาเรียนหนังสือ ประกอบอาชีพสุจริต โดยยืนยันว่าการแก้ไขตามที่ตนสงวนความเห็น จะไม่ได้กระทบต่อมาตราอื่น 

 

ส่วนที่บางคนกังวลว่า เมื่อแก้ไขตามที่ตนเสนอแล้ว จะมีผลให้เป็นการนิรโทษกรรมเลยทันทีหรือไม่ ซึ่งขอชี้แจงว่า ต้องมีการเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุขอยู่ดี รวมถึงตามหลักสากล เรามีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยได้ภาคยานุวัติไว้ว่าไม่ควรดำเนินคดีกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ดังนั้นในมาตรา 3 ถ้าสภาร่วมโหวตตามที่ตนสงวนความเห็น จะก่อให้เกิดผลดีต่อสภา ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในอนาคต จึงขอความกล้าหาญของผู้แทนราษฎรทุกคนอีกครั้ง 

ด้าน ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย กล่าวว่า มาตรา 3 เป็นการบัญญัติข้อยกเว้นไว้ว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะไม่นิรโทษกรรมคดีไหนบ้าง ซึ่งเนื้อหาที่ตนสงวนไว้มีความแตกต่างจากความเห็นของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่มีนัยสำคัญเพียงประเด็นเดียว คือ ขอให้กำหนดข้อยกเว้นไม่นิรโทษกรรมในคดีผู้กระทำความผิดในคดีมาตรา 112 เฉพาะคนที่ไม่ยอมรับมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ที่ให้อำนาจแก่คณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุขกำหนด

 

กล่าวโดยง่ายคือตนเสนอให้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ นิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 อย่างมีเงื่อนไข เนื่องจากที่ผ่านมา ตนได้พยายามพูดคุยกับหลายฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่างกัน พูดคุยกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ กลุ่มบุคคลที่ออกมาแสดงออกทางการเมืองและถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จำนวนมากมีความเข้าใจมากขึ้นและไม่ปฏิเสธเสียทีเดียวในการปรองดองสร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้อภัยต่อกันด้วยการนิรโทษกรรมคดี 112 เพียงแต่ประเด็นร่วมที่บางฝ่ายกังวล คือเมื่อมีการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดหรือผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตามมาตรา 112 แล้ว เมื่อออกมาแล้วจะกลับมาแสดงออกทางการเมืองในสิ่งที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยหรือไม่พึงประสงค์อีกหรือไม่

 

จึงเป็นที่มาในการริเริ่มเสนอให้มีการนิรโทษกรรมคดี 112 แบบมีเงื่อนไข ซึ่งตนเชื่อมั่นว่ามาตรการแบบนี้ได้พยายามที่สุดที่จะหาจุดตรงกลางที่เข้าใจทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่มีความกังวลและฝ่ายที่ถูกดำเนินคดี เพื่อทำให้การนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดที่บอกว่าจะสร้างเสริมสังคมสันติสุขได้อย่างแท้จริง

 

ในทางกลับกัน ตนและหลายคนเชื่อว่าถ้าการนิรโทษกรรมครั้งนี้ให้ความสนใจและขีดเส้นนิรโทษกรรมความขัดแย้งข้อหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มการเมืองที่เคยขัดแย้งกันในอดีต แต่กีดกันการดำเนินคดีทางการเมืองที่มีนัยสำคัญที่สุดในปัจจุบันและอาจรวมถึงในอนาคตออกไป จะทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถบรรลุสิ่งที่เราบอกว่าจะสร้างเสริมสันสังคมสันติสุขได้ แต่อาจกลายเป็นการบ่มบาดแผลและความขัดแย้งในสังคมไทยในปัจจุบันเอาไว้ให้บาดลึกมากยิ่งขึ้น และอาจกดดันให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทยในอนาคตได้

 

"เราต้องยอมรับว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การดำเนินคดีตามมาตรา 112 เกิดขึ้นอีกครั้งในอัตราสูงอย่างมีนัยสำคัญและเกิดความผิดปกติในกระบวนการยุติธรรมจำนวนมาก เหตุการณ์เหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดขึ้นหลังจากที่มีกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาแสดงออกทางการเมืองจนนำมาสู่การดำเนินคดี แต่ผมอยากย้ำว่าถ้าเราพยายามทำความเข้าใจการแสดงออกทางการเมืองของเยาวชนคนรุ่นใหม่เหล่านี้ ทั้งคดี 112 และคดีอื่นๆ เป็นเพียงปลายเหตุ เป็นเพียงผลสะท้อนถึงความไม่พอใจของพวกเขาต่อสิ่งที่คนรุ่นเก่าหรือคนที่เป็นผู้ใหญ่ได้สร้างไว้ให้กับการเมืองไทย และส่งมอบเป็นมรดกให้กับพวกเขา" 

 

"ดังนั้นทางออกต่อเรื่องนี้ เป็นภาระของพวกเราทุกคนที่จะช่วยทำให้การเมืองไทยภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เข้ารูปเข้ารอยอย่างที่ควรเป็น ไม่ใช่หาทางออกด้วยการลงทัณฑ์ต่อคนรุ่นใหม่ที่รับเอามรดกบาปจากพวกเราไป"

 

ชัยธวัช กล่าวว่า ตนขอยกคำพูดของ เบนจา อะปัญ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 และเป็นหนึ่งในผู้เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับภาคประชาชนที่ถูกสภาตีตกไป เบญจาได้พูดประโยชน์หนึ่งที่เรียบง่ายมากและแสดงออกถึงเจตจำนงที่ชัดเจนของคนรุ่นใหม่ว่า "พวกเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่พวกเราร่วมกันเปลี่ยนอนาคตได้" 

 

จึงขอเชิญชวนผู้แทนราษฎรร่วมกันเปลี่ยนอนาคต ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ อยู่ร่วมกันได้แม้มีความเห็นแตกต่างกันอย่างสันติ พิจารณานิรโทษกรรมคดี 112 อย่างมีเงื่อนไข หรืออย่างน้อยเห็นด้วยกับการสงวนให้พิจารณานิรโทษกรรมคดี 112 ให้แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี พิจารณาโดยใช้มโนธรรมสำนึก ความกล้าหาญ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความปรารถนาในความสันติสุขร่วมกันอย่างแท้จริง ตามชื่อร่าง พ.ร.บ. นี้