ข่าว

"เจ๊ปอง-อัญชะลี"  เตรียมใจหากผลเป็นลบ พร้อมใช้ชีวิตในเรือนจำ

"เจ๊ปอง-อัญชะลี" เตรียมใจหากผลเป็นลบ พร้อมใช้ชีวิตในเรือนจำ

19 ก.ย. 2568

เปิดใจ "เจ๊ปอง-อัญชะลี" ก่อนศาลตัดสิน ยืนยันทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใบสั่ง ตัดสินใจบุก NBT เอง ล่าสุดเตรียมร่างกาย ศึกษาชีวิตในเรือนจำมาแล้ว หากผลตัดสินว่าผิด

19 ก.ย. 2568 น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก หรือ เจ๊ปอง หนึ่งในจำเลยคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมบุกยึดช่อง NBT เมื่อปี 2551 เปิดใจก่อนรับฟังคำพิพากษาของศาลในชั้นฎีกาว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็น้อมรับ เพราะที่ผ่านมาเราและทีมทนายความทำดีที่สุดแล้ว เพื่อบอกความจริงว่าเราทำอะไรและไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อส่วนรวมและสาธารณะ โดยไม่ได้รับอะไรจากสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งตนเองก็ต่อสู่กับระบอบทักษิณมาเกือบ 20 ปีแล้ว

 

เจ๊ปอง-อัญชะลี  ยังบอกด้วยว่า ถ้าเราทำเพื่อตัวเอง ตลอด 20 ปี คนจะเห็นธาตุแท้ของเรา แต่ที่ผ่านมาคนก็ได้เห็นว่า เราทำด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่น ทำด้วยความเชื่อ ความคิดของเรา โดยไม่ได้ไปเรียกร้องให้ใครเชื่อหรือคิดตามเรา และเราก็ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป เข็มนาฬิกาหมุนทวนกลับไม่ได้ ความคิดและความตั้งใจเราก็เช่นกัน พร้อมยืนยันไม่ได้ทำให้ตัวเองท้อ เพราะที่ผ่านมาทำภายใต้กรอบของกฎหมาย สิ่งที่ได้ทำไปอาจจะล้ำไป เราก็ยอมรับในสิ่งนั้น

 

\"เจ๊ปอง-อัญชะลี\"  เตรียมใจหากผลเป็นลบ พร้อมใช้ชีวิตในเรือนจำ

ตลอด 1 สัปดาห์ ตนเองก็กำลังใจดีมาก กินอิ่มนอนหลับ ตั้งแต่ที่รู้วันนัดฟังคำพิพากษาประมาณเดือนครึ่ง ก็ได้เตรียมร่างกาย เตรียมสุขภาพ และเคลียร์เรื่องงาน และเตรียมศึกษาว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรในเรือนจำ เพราะก็มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคยติดคุกมาเล่าให้ฟังว่าจะต้องอยู่อย่างไร เตรียมใจกันมาแล้ว ถ้าไม่ได้กลับบ้านก็จะใช้ชีวิตที่ดีอยู่ในเรือนจำ แต่หากได้กลับบ้านก็จะใช้ชีวิตที่ดีเป็นประโยชน์กับทุกคนและสาธารณะชนเหมือนเดิม

 

ส่วนกรณีที่มีการเปรียบเทียบยกย่องตนเองกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าแมนกว่านั้น เจ๊ปอง-อัญชะลี ยอมรับว่า  ตนเองก็เห็นอยู่ มองว่าก็ถูกต้อง เพราะกว่าจะลากนายทักษิณเข้าคุกได้ก็ยาก ซึ่งตนเองง่ายๆศาลให้มาก็มา และพร้อมน้อมรับคำตัดสิน ซึ่งคดีนี้ตนเองจะขอไม่ให้ศาลเลื่อน แม้จะมีจำเลย คือ นายภูวดล ทรงประเสริฐ เป็นคนป่วยติดเตียง เพราะมองว่าเลื่อนอ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งของนายภูวดล กรณีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ศาลก็จะมีคำวินิจฉัยเอง


ส่วนในชั้นฎีกาได้มีการขอให้ศาลลงโทษสถานเบาหรือไม่  เจ๊ปอง-อัญชะลี  กล่าวว่า "ไม่เลย" ในวันที่ขอฎีกาก็จะได้เขียนว่า เราสารภาพ เราทำจริง เราไม่ได้บิดพริ้ว และเราก็ให้เหตุผลว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ตัดสินใจทำเอง และขอให้ศาลได้เห็นในสิ่งที่เราทำ ส่วนศาลจะเมตตาหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล ซึ่งเอกสารที่ตนเองยื่นฎีกา "บางมาก" โดยไม่ได้ยื่นหลักฐานโต้แย้งข้อเท็จจริงใดๆ แค่ขอความเมตตาในการขอฎีกาต่อศาลเท่านั้น 

ถ้าพูดภาษาชาวบ้านในชั้นฎีกา สิ่งที่เราไปเราทำจริงๆ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของใคร แต่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะจริงๆ เพื่อย้ำให้ศาลเห็นว่า บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และยอมรับโดยบริสุทธิ์ใจ

 

ส่วนคำตัดสินในครั้งนี้จะส่งผลต่อการต่อสู้ทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ เจ๊ปอง-อัญชะลี มั่นใจว่าคงไม่ส่งผลอะไรและไม่กระทบกระเทือนจิตใจอะไร ซึ่งตนเองไม่ใช่นักการเมืองเป็นเพียงภาคประชาชน ยังคิดเหมือนเดิมอยู่ถ้าได้กลับบ้านก็จะยังทำเหมือนเดิม ถ้าไม่ได้กลับบ้าน อีก 1 ปี ก็จะออกมาทำเหมือนเดิม และไม่เป็นอุปสรรคต่อการออกมาเคลื่อนไหวในอนาคต ตนเองก็จะออกมาทำอีกเช่นเดิม เพราะอยากให้บ้านเมืองดี อยากให้ประชาชนอยู่ในสังคมที่ทีคุณภาพทุกมิติ และทุกครั้งที่ตนเองออกไปเคลื่อนไหว ก็ไม่เคยแสวงหาประโยชน์อะไร ซึ่งคำพิพากษาไม่ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราผิดคือผิด แต่ถ้าการเมืองไม่ดีเราก็ทำอีก ไม่มีอะไรมากั้น มาขวางได้

 

คำพิพากษาจะไม่มีผลต่อมวลชนมนการลุกฮือ เพราะตนเองไม่เคยปลุกระดม วันนี้ก็มาคนเดียวไม่ได้ให้ญาติๆมา ถ้ากลับบ้านก็ได้กลับบ้านด้วยกัน ถ้าไม่ได้กลับ รายชื่อคนให้เข้าเยี่ยมก็มีแค่คนเดียว คือคนขับรถ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าบันไดศาล มีมวลชนที่สนับสนุนมารอกำลังใจตะโกนให้ "สู้ๆ เป็นกำลังใจให้พี่ปอง ขอให้โชคดี พวกเรายังรักพี่ปอง" โดย เจ๊ปอง-อัญชะลี ไหว้โบกมือขอบคุณทุกคนและบอกว่า "หวังว่าจะได้กลับบ้าน" พร้อมชูสองนิ้วและส่งยิ้มให้มวลชน

 

\"เจ๊ปอง-อัญชะลี\"  เตรียมใจหากผลเป็นลบ พร้อมใช้ชีวิตในเรือนจำ