กองทัพภาคที่ 1 ลั่น! หากกัมพูชา ละเมิดอีก จับกุมดำเนินคดีทันที | คมชัดลึก

18 ก.ย. 2568 เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 แถลงเหตุ "บ้านหนองหญ้าแก้ว" ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 ใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้าดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ประเทศไทยยึดถือในการใช้กฎหมายนำการทหาร

อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการดังกล่าวได้มีการยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชา ด้วยการเกณฑ์ ชาวบ้านเด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ เข้ามาทำการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แต่เรายึดมั่นในนโยบายที่ไม่ตอบโต้ด้วยกำลัง และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยใช้กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) จำนวน 2 กองร้อย เข้าดำเนินการต่อประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วตามที่ปรากฏในภาพข่าว

แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งกำชับให้กำลังพลทุกนายใช้ความระมัดระวังและตอบโต้อย่างเหมาะสม หากมีการฝ่าฝืนจากชาวบ้านกัมพูชา ให้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
 

"ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากละเมิด จับกุมทันที ขนขึ้นรถผู้ต้องหา ดำเนินคดีฝั่งไทยใช้กฎหมายสูงสุด ตอนนี้ รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง พร้อม" เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าว

ประเด็นเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจและมีนัยแอบแผงของทางกัมพูชา คือ เมื่อวานที่มีการประชุมร่วมกันของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ยังได้มีคณะผู้สังเกตการณ์ทางทหาร (IOT) ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ลงพื้นที่ดูแนวลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้วร่วมกัน จนถึงเวลา 15.00 น. จึงได้เดินทางกลับ หลังจากนั้นฝ่ายกัมพูชาถึงได้มีการเกณฑ์ชาวบ้าน เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ เข้ามาทำการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง จนเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันขึ้นและเหมือนได้วางแผนไว้แล้ว

เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า กองทัพภาคที่ 1 จะยังคงยึดมั่นในนโยบายที่เน้นการใช้ กฎหมายและการทูตเชิงทหาร เพื่อแก้ไขปัญหา และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลัง