ข่าว

ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด จัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง

ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด จัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง

10 ก.ย. 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ต้องให้ประชาชน ออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชน เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง

10 ก.ย. 2568 ประธานรัฐสภา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) (เรื่องพิจารณาที่ 9/2568)

ในคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันจันจันทร์ ที่ 17 มีนาคม 2568 พิจารณาญัตติด่วน กรณีที่นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณามีมติ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2)

โดยผลการลงมติในญัตติดังกล่าวว่า ที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นด้วย ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามญัตติ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ประธานรัฐสภา (ผู้ร้อง) ส่งเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย
 

ผลการพิจารณา


คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 76 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแก่ผู้ร้อง และให้ถือว่าวันที่ศาลรัฐธธรรมนูญลงมติซึ่งเป็นวันที่ปรากฎในคำวินิจฉัยเป็นวันอ่าน โดยมีประเด็นที่พิจารณาตามลำดับ ดังนี้

ประเด็นที่หนึ่ง ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รัฐสภา มีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 2) วินิจฉัยว่า ภายได้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการ เพื่อจัดทำรัฐธธรมมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบ ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน 

ทั้งนี้ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ของรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งรัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง


ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 4 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายอุดม สิทธิวิชธรรม, นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์, และนายนภดล เทพพิทักษ์

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ภายได้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รัฐสภาไม่มีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เว้นแต่จัดให้มีการออกเสียงประชามติให้ความ เห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


ประเด็นที่สอง การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติกี่ครั้ง

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 1) วินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชน ออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ได้แก่

 

  • ครั้งที่ 1 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
  • ครั้งที่ 2 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่ามีวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญอย่างไร
  • และครั้งที่ 3 ภายหลังรัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่


อนึ่ง การออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 6 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายนกดล เทพพิทักษ์, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์, และนายสุแมธ รอยกุลเริญ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 1 คน คือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 3

 

ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด จัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด จัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง