
ปชน. ขึ้นศาลไต่สวนคดี "กัลฟ์" ฟ้องหมิ่นแถลงข่าวโครงการจัดซื้อไฟฟ้า
"เท้ง" และ สส.พรรคประชาชน ขึ้นศาลไต่สวนคดี "กัลฟ์" ฟ้องหมิ่นแถลงข่าวโครงการจัดซื้อไฟฟ้า ยืนยันมีความสุจริตเผยข้อเท็จจริง ส่วนฟ้องปิดปากหรือไม่ เชื่อ ปชช. มีวิจารณญาณ
25 ส.ค. 2568 ศาลอาญา นัดไต่สวนมูลฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.1035/2568 ที่บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน นายวรภพ วิริยะโรจน์ และนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาพร้อมเรียกค่าเสียหายทั้งหมด 300 ล้านบาท จากกรณีการแถลงข่าวโครงการจัดซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล โดยขอให้พิจารณายกเลิกโครงการดังกล่าวและเปลี่ยนเป็นการเจรจาลดราคารับซื้อจากเอกชนแทน
วันนี้เป็นการไต่สวนฝ่ายโจทก์ ซึ่งนายณัฐพงษ์ เดินทางเข้ามายังศาลอาญาในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ก่อนที่จะขึ้นไปยังห้องพิจารณา
ต่อมาหลังการไต่สวนเสร็จเวลาประมาณ 12.30 น. นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า การไต่สวนมูลฟ้องยังไม่จบสมบูรณ์เพราะทางโจทก์ยังเหลือพยานที่จะต้องนำมาไต่สวนมูลฟ้องเพิ่มเติม เบื้องต้นนัดอีกครั้งในวันที่ 27 ต.ค. ส่วนทางโจทก์นำพยานฝ่ายไหนขึ้นเบิกความบ้าง ตนยังไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้
ขอยืนยันว่าพวกตนมีความสุจริตในการตรวจสอบการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรเรื่องการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน แต่ในขณะเดียวกันทางโจทก์ก็มีสิทธิ์ในการยื่นฟ้องซึ่งจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นตนก็มั่นใจว่าศาลจะสามารถให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายได้
ตนไม่มีข้อกังวลใจใด และพร้อมเข้าสู่กระบวนการที่ศาลคิดว่าสมควรเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ในฐานะที่ตน นายวรภพ วิริยะโรจน์ และนายศุภโชติ ทำหน้าที่เป็น สส. และคงไม่สามารถให้คำตอบได้เกี่ยวกับประเด็นฟ้องเพื่อปิดปาก เพราะประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้น่าจะมีวิจารณญาณในการติดตามข้อมูล และยืนยันว่าตนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและรายงานข้อเท็จจริงต่อสาธารณะว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ด้านนายนิธิ ละเอียดดี ทนายความส่วนตัวของนายณัฐพงษ์ กล่าวเสริมว่า กระบวนการในวันนี้เป็นการนัดไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งศาลจะพิจารณาจากหลักฐานของโจทก์ว่าคดีมีมูลพอที่จะพิจารณารับไว้ได้หรือไม่ ในชั้นนี้จำเลยยังไม่มีสิทธิ์ที่จะนำพยานฝ่ายจำเลยเข้าไต่สวน ซึ่งในอนาคตหากศาลพิจารณาว่าคดีนี้สมควรรับไว้พิจารณาก็จะมีการนัดสอบคำให้การและนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยต่อไป แต่ในวันนี้กระบวนการไต่สวนมูลฟ้องยังไม่เสร็จสิ้นจึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะต้องเตรียมพยานฝ่ายไหนบ้าง
ส่วนกรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ สมเด็จฮุนเซน นายณัฐพงษ์ ว่า ในส่วนผลการพิพากษาของศาลนั้นต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของศาล ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงในส่วนนั้นได้ แต่ทิศทางหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรตนยืนยันว่าจะใช้จำนวนเสียงที่มีอยู่กำหนดทิศทางการเมืองไทยในสภาให้เดินหน้าไปอย่างมั่นคงให้กับประชาชนได้
เเต่หากต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แคนดิเดตทุกคนสิทธิ์ที่จะถูกโหวตตามกระบวนการทางกฎหมาย ยืนยันว่าทางพรรคประชาชนจะไม่ร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่ถ้าการเมืองไทยอาจจะถึงทางตัน พรรคการเมืองอื่นไม่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้แถลงไปก่อนหน้านี้ และตนเชื่อว่าตอนนี้สังคมไทยต้องการรัฐบาลที่มีความชอบธรรมและมีเสถียรภาพมากพอที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ในส่วนการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดเชียงราย ตนจะไปช่วยหาเสียงอย่างแน่นอน และฝากถึงประชาชนให้ติดตามการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ด้วย
เมื่อถามถึงกรณีศาลอาญายกฟ้องคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นายทักษิณ ชินวัตร จะส่งผลอะไรกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ดุลพินิจของศาลถือว่าตรงไปตรงมาแล้ว ส่วนจะมีผลทางการเมืองหรือไม่นั้นอยู่ที่ความรู้สึกของประชาชนว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร