ข่าว

นายกฯ ลั่นไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ ยันรัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน

นายกฯ ลั่นไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ ยันรัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน

16 มิ.ย. 2568

นายกฯ ลั่นไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ ยันรัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน จวก “กัมพูชา” เล่นนอกเกม ทำสงครามข่าวสารโพสต์ยั่วยุ

16 มิ.ย. 2568 น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี​ แถลงภายหลังการหารือกับฝ่ายความมั่นคง ที่บ้านพิษณุโลก หลังการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) โดยนายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า ที่ประชุมได้หารือผลการประชุม JBC ที่ผ่านมา ถือเป็นผลสำเร็จ ส่วนรายละเอียดกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจง

 

โดยทางการไทยได้มีการหารือกันในทุกระดับ​ ตั้งแต่ระดับหน้างานจนถึงระดับรัฐมนตรี ได้เห็นชอบตั้งคณะทำงาน หรือ "ทีมไทยแลนด์"​ มี พลเอกณัฐพล​ เป็นหัวหน้าทีม คอยมอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสาร

 

ส่วนกรณีที่กัมพูชายื่นศาลระหว่างประเทศ หรือ ICJ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับขอบเขตศาลโลก แต่ได้ตั้งทีมทำงานเพื่อหาแนวทางปกป้องประเทศ หรือตอบโต้ได้อย่างไรบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษากฎหมายประวัติความเป็นมา มีข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว

 

นายกฯ ลั่นไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ ยันรัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน
 

ส่วนกรณีที่ "ฮุนเซน" ออกมาระบุว่า หากไทยไม่ยกเลิกมาตรการเปิด-ปิดด่าน​ ภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ กัมพูชาจะปิดด่านชายแดนทั้งหมด ที่ประชุมได้หารือประเด็นนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้ปิดด่าน แต่กำหนดเวลาการเปิด-ปิด ซึ่งเปลี่ยนจากเดิมเมื่อมีการปะทะเกิดขึ้น


ประเทศไทยได้ทราบจากเพจกลาโหมของกัมพูชา ก่อนหน้านี้เราได้ตกลงกันว่า จะมีการปรับกำลัง และได้มีการมอบอำนาจ ให้ในส่วนที่เกี่ยวข้องได้แก่กองทัพ ประเมินสถานการณ์หน้างาน แต่ทางกลาโหมกัมพูชายืนยันว่า จะไม่มีการปรับกำลังออกจากพื้นที่ ไทยจึงกำหนดเวลาเปิดปิดด่าน ทำให้กัมพูชามีการกำหนดเวลาเปิดปิดด่านเช่นกัน


นายกรัฐมนตรี​ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไทยและกัมพูชา พูดคุยกันตลอด ตนได้คุยกับนายกฯ กัมพูชา มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีความเห็นและตกลงร่วมกันว่า อยากเห็นสันติภาพให้เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ อยู่ในกรอบทวิภาคี


นอกจากการคุยอย่างเป็นทางการ ยังมีคุยหลังไมค์ แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลนอกกรอบ ไม่เป็นมืออาชีพออกมาอยู่เรื่อยๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายในการจัดการ แบบนี้ทำให้เป็นผลลบทั้ง 2 ประเทศ​ สิ่งที่ทางกัมพูชาโพสต์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ชาติ จึงได้มีการแจ้งไปทางกัมพูชาว่า  จะมีการประชุมหารือกันในวันนี้ เพื่อรายงานผลว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป"
 

นายกรัฐมนตรี​ ยังเปิดเผยว่า ​วันนี้ได้ส่งข้อความไปยังนายกรัฐมนตรีกัมพูชา​ เสนอให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee - RBC)  หรือ​  RBC หรือการประชุมในระดับกองทัพของทั้งสองประเทศว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ก็ยังเห็นว่าทางกัมพูชายังมีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก​ ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ไม่อยู่ในกรอบ

นายกฯ ลั่นไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ ยันรัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน

เมื่อถามต่อว่า ไทยพยายามที่จะยึดตามกรอบ JBC แต่ดูเหมือนกัมพูชาจะไม่มีความจริงใจในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุม JBC เป็นการประชุมร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นความสำเร็จในการพูดคุย หมายความว่า เรายอมตกลงกันตามกรอบนี้​ เพื่อที่จะบอกว่าเราต้องการสันติภาพ และจะร่วมกันทำอย่างไรได้บ้าง แต่ส่วนตัวมองว่า กรอบ JBC ไม่มีปัญหาเป็นไปตามที่กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง ไม่ได้ติดขัดหรือมีพลิกล็อค
 

จวก “กัมพูชา” เล่นสงครามข่าวสาร นอกเกม โพสต์ยั่วยุทำวุ่นวาย ไม่ส่งผลดีต่อ2ประเทศ
 
เมื่อถามถึงการเล่นสงครามข่าวสารผ่านโซเชียล​ของกัมพูชา นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เรื่องนี้ไม่เกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ เพราะการปล่อยข่าวหลายครั้งที่ออกมา ก็มีการตกลงกันแล้วว่า อย่าเพิ่งปล่อยข่าว ต้องพูดคุยกันก่อน เพราะคนหน้างานกับคนที่รับข่าวเป็นคนละคนกัน จะทำอะไรออกไปต้องเห็นใจคนหน้างาน  การที่หลายคนยุยงให้มีการต่อสู้ ขอให้ดูคนหน้างานด้วยว่าเป็นอย่างไร และกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตนในฐานะผู้บริหาร ก็ต้องคอยติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดว่า เกิดอะไรขึ้นขณะนั้น

การที่ไทยกำหนดมาตรการปิดเปิดด่านในตอนแรก เป็นเพราะมีอาวุธไกลและอาวุธหนัก ออกมามากขึ้นจากฝั่งกัมพูชา จึงต้องมีการกำหนดเวลาเปิดปิดด่าน เพราะมีประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ อยู่ในพื้นที่ชายแดนจำนวนมาก หากไม่มีการกำหนดมาตรการเปิดปิด แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความเสียหายมากมาย 
 

รับที่ผ่านมาสื่อสารน้อย เชื่อไม่เคารพกฎกติกาทั่วโลกไม่ยอมรับ 
 
ส่วนจะสามารถชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจได้อย่างไรว่า เราไม่ได้โกงเอาแผ่นดินของกัมพูชา นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า เรื่องนี้ถูกชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรในการประชุม​ JBC รวมไปถึงการที่ตนได้เสนอขอให้มีการประชุม​ในระดับ RBC ด้วย​ สิ่งที่เราประชุมทั้งหมด จะถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทั่วโลกสามารถรับรู้ได้ว่า เราตกลงอะไรกันบ้าง

ขณะเดียวกันในวันนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้เรียกประชุมทูตทุกประเทศที่อยู่ในไทยทั้งหมด เพื่อให้ทุกประเทศได้รับทราบ ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.ต่างประเทศ ได้พูดคุยกับทูตประเทศกัมพูชา มาตั้งแต่ วันที่ 4 มิ.ย. 68 แล้วว่า เราต้องการอะไรและจะทำอย่างไร
 

"ยอมรับว่า สิ่งที่เราอาจจะทำน้อยกว่าเขา คือการสื่อสารต่อสาธารณะ เพราะเราเคารพการเจรจาระหว่างประเทศ เคารพกรอบการเจรจาทวิภาคีให้เกียรติทั้ง 2 ประเทศ สิ่งที่คุยควรเป็นสิ่งที่เป็นทางการ และอยู่ในกรอบทวิภาคี แต่ถ้ามีการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการเกิดขึ้น เราก็ต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกันว่า เราไม่เคยที่จะยั่วยุ หรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใดๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
 

ลั่นไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครข่มขู่-กลั่นแกล้ง ย้ำหากปะทะต้องถามความพร้อมกองทัพ
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างที่ตนบอก คนเสพข่าวเรื่องหนึ่งคนที่อยู่ หน้างานก็อีกเรื่องหนึ่ง ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงตรงชายแดน นั่นแปลว่าดิฉันต้องรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
 

ถ้าดิฉันจะต้องตกลงในการปะทะ ต้องมีการคุยกับทหารด้วยว่า "พร้อมหรือไม่ เราอยู่ในสถานะไหน​ เขาอยู่ในสถานะไหน ไม่ใช่จู่ๆ จะมีเรื่อง แล้วจุดให้ไฟมันติดได้เลย อันนี้คือกรอบที่เราต้องยึด​ แต่แน่นอนว่าการปล่อยข่าว หรือปล่อยประโยคอะไรออกมา ที่ไม่เป็นทางการส่งผลกระทบ ย้ำว่าไม่เกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ"
 

เมื่อถามว่า รัฐบาลไทยจะทำอย่างไรกับสงครามข่าวสารของกัมพูชา นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขัง ว่า “ชี้แจงค่ะ” คนไทย นายกรัฐมนตรี​ กองทัพ​ ที่ประชุมวันนี้เห็นตรงกันในทุกๆ ส่วน กองทัพเองก็คิดเหมือนเราว่า จะต้องปกป้องอธิปไตยไว้ แต่จะทำอย่างไรให้ยืดการปะทะ​ การเสียเลือดเนื้อ​ ให้ไม่เกิดขึ้น​ แต่ยังคงรักษาอธิปไตยของเราไว้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลและกองทัพเห็นตรง
 

ส่วนใครจะปล่อยข่าวว่าตีกัน ยืนยันว่า ไม่เคยตีกัน ตอนนี้กองทัพกับรัฐบาลได้คุยกันทุกเรื่อง ว่าจะทำอย่างไร ตนให้เกียรติกองทัพเสมอ เพราะเป็นคนหน้างาน และรู้เรื่องอาวุธทุกอย่าง รัฐบาลก็คุยกับกองทัพว่า จะเอาอย่างไร ได้คุยกับกองทัพทุกครั้งว่าจะเอาอย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ นี่คือสิ่งที่ตนทำเสมอ กองทัพก็เช่นกัน จะทำอย่างไรก็คุยกับรัฐบาลเช่นกัน อะไรทำได้หรือไม่ เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่ประเทศเราทำ
 

ตนขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน และขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารักษาอธิปไตยของเราไว้ เราพูดในข้อความที่ตรงกัน และในข้อความที่รู้ได้ว่าประเทศไทยเป็นปึกแผ่น
 

"จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง มาใส่ร้าย มาข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน เราก็เป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน เพราะฉะนั้นจุดนี้จะทำให้เราทุกคนรู้ว่า วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกาก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก"
 

อย่างไรก็ตาม วันนี้นายกรัฐมนตรี มีท่าทางที่เคร่งขรึมจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องการตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นการโพสต์ข้อความต่างๆ ผ่านโซเชียลของ กัมพูชา ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง ทั้งที่ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรี รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก โดยได้แสดงออกทางสีหน้า และน้ำเสียงอย่างชัดเจน  และภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นนายกรัฐมนตรี ได้เรียกทีมงานเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

 

 

ที่มา : NationTV