
สรุปผลการประชุม คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา
สื่อกัมพูชา รายงานผลการประชุม คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) "กัมพูชา" แจ้งนำ 4 ข้อพิพาท ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาล ระบุ ยึดแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000
เมื่อช่วงบ่าย 15 มิ.ย. 2568 สำนักเลขาฯ ว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อเผยแพร่ผลการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางบกและการปักปันหลักเขตแดน ซึ่งใช้เวลาประชุม 2 วัน ในประเทศกัมพูชา
สื่อท้องถิ่นของกัมพูชา รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการอภิปรายต่อในการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา และได้ตกลงอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อ ดังต่อไปนี้
- การอนุมัติบันทึกการประชุมของคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วมชายแดน (JTSC) ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่เสียมราฐเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567
- การปรับปรุง TOR ปี 2546 ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนที่ออร์โธโฟโต้ (ภาพถ่ายทางอากาศ)
- การอนุมัติการส่งทีมสำรวจร่วม เพื่อสำรวจและปักปันเขตแดนจริงในพื้นที่
- การอภิปรายแนวทางการสำรวจใน Sector 6
ในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา นายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ได้แจ้งต่อฝ่ายไทยว่า เพื่อประโยชน์ในการรับรองการแก้ไขปัญหาชายแดนที่เป็นธรรม ไม่ลำเอียง และเป็นทางออกที่ถาวรสำหรับทั้งสองประเทศ
ฝ่ายกัมพูชาได้เสนอให้ฝ่ายไทยเข้าร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ในการนำข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่สามเหลี่ยมปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และได้ยืนยันจุดยืนของกัมพูชาอีกครั้ง ในการเริ่มต้นกระบวนการทางกฎหมายโดยอิสระและด้วยตนเอง แม้ว่าฝ่ายไทยจะปฏิเสธเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ก็ตาม
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังได้ยืนยันเพิ่มเติมต่อหน้าฝ่ายไทยว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ทั้งสี่พื้นที่ดังกล่าวจะไม่มีการนำมาเป็นหัวข้อ หรือวัตถุประสงค์ในการอภิปรายและแก้ไขภายใต้กรอบของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชาอีกต่อไป
พร้อมกันนี้ นายฬำ เจีย ได้กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจาก 4 พื้นที่ ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ฝ่ายกัมพูชายังคงยืนหยัดและมีความปรารถนาดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยต่อไป เพื่อผลักดันการสำรวจ การปักปันเขตแดน และการปักหลักเขตแดน โดยใช้กลไกของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา
นายฬำ เจีย ยังได้ยืนยันถึงนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาในการยึดมั่นในแนวทางสันติภาพ และต้องการชายแดนที่เต็มไปด้วยสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีกับฝ่ายไทย โดยอาศัยพื้นฐานของเอกสารทางกฎหมายและแผนที่ที่ตกลงร่วมกัน ดังที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงใช้แผนที่มาตราส่วน 1/200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 2447 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 2450 เพื่อดำเนินการปักปันเขตแดนและปักหลักเขตแดน
ในความหมายนี้ ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้จัดทำขึ้นฝ่ายเดียวและนำมาใช้เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นต้นตอหลักของข้อพิพาทชายแดนที่ยืดเยื้อมาในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต
การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ดำเนินไปในบรรยากาศที่เป็นมิตร มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ด้วยจิตวิญญาณของการอภิปรายที่เปิดเผยต่อกัน และเป็นไปในเชิงบวก การประชุมได้เสร็จสิ้นการอภิปรายอย่างสมบูรณ์ในวาระที่ตกลงกัน และได้ลงนามในบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะวางแผนจัดการประชุมอีกครั้งในเดือนกันยายน 2568 นี้
ไทย ระบุ หารือราบรื่น เน้นย้ำใช้กลไกทวิภาคี
ด้าน กระทรวงการต่างประเทศของไทย แถลงว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ
การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ
การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้
ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่
- 1. JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ
- 2. คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีระดับสูงด้านความมั่นคง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยกับกัมพูชาเป็นประธานร่วม เพื่อหารือในการกำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ
- 3. คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งเป็นกลไกระดับทวิภาคีของฝ่ายทหาร เพื่อหารือในระดับพื้นที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การพัฒนา ตลอดจนการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบริเวณชายแดนร่วมกัน โดยประธานร่วมเป็นระดับแม่ทัพภาคหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า