
ประธาน กกต. เผย ยังไม่ตัดสิน 53 สว.ผิดคดีฮั้ว เป็นหน้าที่ศาล
ประธาน กกต. เผย ออกหมายเรียก 53 สว. ยังไม่ตัดสินคดีฮั้ว แต่มีพฤติการณ์ฝ่าฝืน เป็นหน้าที่ศาลชี้ผิดหรือไม่ ยืนยันคดีไม่ล่าช้า แต่จับมือ DSI ทำให้มีหลักฐานชัด
ความคืบหน้าการออกหมายเรียก 53 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้ารับทราบข้อกล่าวหา คดีฮั้วเลือก สว.
10 พ.ค. 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า เป็นเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ที่ กกต. ตั้งขึ้นเป็นพิเศษ คือ คณะที่ 26 ที่มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน และขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาช่วยด้วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วพบว่า สามารถนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาได้ จึงดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาด้วยการทำหนังสือนัดหมายกำหนดเวลาให้บุคคล 53 คนตามข่าว ให้มารับทราบข้อกล่าวหาและให้โอกาสชี้แจง แสดงหลักฐานของตัวเอง ซึ่งการแจ้งให้มาชี้แจงสามารถทำได้ 3 ช่องทาง คือ ยื่นหนังสือทางไปรษณีย์ คณะกรรมการฯ ไปยื่นด้วยตัวเอง และติดหมายเรียกไว้หน้าบ้าน กรณีไม่พบเจ้าตัว
เมื่อ สว. ที่ได้รับหมายเรียกต้องเข้าไปชี้แจงกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26 ที่สำนักงาน กกต. มีกรอบเวลา 90 วัน แต่สามารถขยายได้ หากเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายบุคคล เมื่อผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงแล้วก็จะมีการประมวล พิจารณาวินิจฉัยและเสนอความเห็นไปยังเลขาธิการ กกต.ซึ่งกรอบเวลาของเลขาฯมีเวลาพิจารณาอีก 60 วัน
จากนั้นจึงจะเข้าสู่ที่ประชุม กกต. โดยผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการวินิจฉัยพิจารณากรั่นกรอง เพื่อเสนอความเห็นให้ กกต.ตัดสิน และถ้าหากที่ประชุม กกต.เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลหลักฐานไม่เพียงพอก็ยุติเรื่อง แต่หากพบว่ามีความผิดจริงก็ส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และเข้าสู่กระบวนการของศาลต่อไป ซึ่งถ้าศาลรับคำร้องไว้ก็จะส่งผลให้สมาชิกวุฒิสภาต้องยุติปฎิบัติหน้าที่
เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาคำร้องที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปีนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า กรอบ 1 ปีเป็นการกำหนดเอาไว้ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่กระทบกับการสืบสวนไต่สวนใดๆทั้งสิ้น สามารถยืดหยุ่นและขยายเวลาได้ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานก็ไม่อยากล่าช้า เพราะถ้าช้าต้องมีเหตุผล
เมื่อถามว่าหากมีสมาชิกวุฒิสภาต้องออกจากหน้าที่ จะต้องมีการเลือก สว. ใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจำนวน ต้องรอดูความชัดเจนอีกที
ส่วนจะมีการเรียก สว. มาชี้แจงเพิ่มนอกจาก 53 คน หรือไม่ เมื่อคำร้องเข้าสู่กระบวนการ ก็ต้องให้แต่ละส่วนมีอำนาจหน้าที่อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจะมีอีกหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานที่คณะกรรมการฯชุดที่ 26 เป็นผู้พิจารณา การจะให้ข่าวออกไปตอนนี้คงไม่เหมาะสม
เมื่อถามย้ำว่า ในหมายเรียกระบุชัดเจนว่า สว. มีความผิดชัดเจนเรื่องฮั้วเลือก สว. นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ใช่มีความผิด แต่มีพฤติการณ์ที่อาจจะเป็นการฝ่าฝืน จะวินิจฉัยว่า ผิดเลยไม่ได้ เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานบุคคลที่มี ทำให้เราเชื่อ แต่การตัดสินว่า ใครผิดหรือไม่ผิดเป็นหน้าที่ศาล
สำหรับการวินิจฉัยของอนุกรรมการฯ ก่อนเสนอ กกต. สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ได้เปลี่ยน แต่สามารถแสดงความเห็นได้ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือมีจุดไหนที่ต้องการข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและใช้ดุลยพินิจได้อย่างชัดเจนที่สุด ไม่เช่นนั้น จะเกิดความลักลั่น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ชัด
เมื่อถามว่า ทำไมดีเอสไอเข้ามาแล้ว ดำเนินการได้เร็วกว่าที่ กกต. ทำเอง นายอิทธิพร ตอบว่า มีบางเรื่องที่พยานหลักฐานไม่มากเท่ากับที่ดีเอสไอมี จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดู และเมื่อเชิญเข้ามาบวกกับพยานหลักฐานที่เขามีอยู่แล้ว ก็ทำให้ไม่ช้า ซึ่งคำร้องของ สว. มีทั้งหมดประมาณ 577 คำร้อง ทำเสร็จไปแล้ว 300 กว่าเรื่อง