
"ทวี" เผยดีเอสไอมีอำนาจสอบ เลือกสว. จับตาเตรียมถูกยื่นถอดถอน รมว.
"ทวี สอดส่อง" ยืนยัน เลือกสว.หากพบผิดทางอาญา ดีเอสไอมีอำนาจสอบเต็มที่ จับตาเตรียมถูกยื่นศาล รธน. ถอดถอนออกจาก รมว.
กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พบหลักฐานการฮั้วเลือก สว. ว่า มีขบวนการดังกล่าวจริง และเข้าข่ายความผิดอาญาฐานอั้งยี่ และฐานฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ก่อนจะส่งผลให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.
22 ก.พ. 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลหน่วยงาน ดีเอสไอ เปิดเผยว่า กกต.มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. แต่ก็จำกัดเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ว่าจะทุจริต จ่ายเงิน ล็อกเป้า ทำโพย หรือตัวเองไม่มีคุณสมบัติ แต่มาลงสมัคร
แต่ความผิดที่เป็นความผิดอาญา เช่น อั้งยี่ ความทางความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือ ความผิดฐานฟอกเงิน เป็นอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ แน่นอน
ล่าสุดมีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ ยก พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 49 มายืนยัน อำนาจของ กกต. ว่า มีอำนาจเต็มในการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือก สว.ทั้งหมด ทุกฐานความผิด ยกเว้นว่า กกต.จะมอบหมายให้องค์กรผู้บังคับใช้กฎหมายองค์กรอื่นดำเนินการเท่านั้น อารมณ์เดียวกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไต่สวนคดีบิ๊กโจ๊ก พนักงานสอบสวนของตำรวจต้องส่งสำนวนให้
พ.ร.ป. กกต. มาตรา 49 บัญญัติว่า...
“เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ (กกต.) ว่าหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะดำเนินการเองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนนั้น โอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้นมาให้คณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไป…ในกรณีเช่นนี้ให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนโอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองมาให้คณะกรรมการภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว”
มีการตีความว่า กกต.เป็นผู้มีอำนาจเลือกว่า จะรับคดีมาทำเอง หรือโอนให้หน่วยงานใดทำ รวมถึงดีเอสไอ โดยหนังสือรายงานผลการสืบสวนที่ดีเอสไอ ส่งถึง กกต. เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนท้ายก็มีการสอบถาม กกต. ว่า ประสงค์จะรับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการสอบสวนเองหรือไม่
นี่คือข้อความท้ายหนังสือ... "กรมสอบสวนคดีพิเศษขอความอนุเคราะห์ ให้ กกต. ได้กรุณาแจ้งยืนยันมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ว่ามีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์ จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน หรือ กกต. จะรับดำเนินการสอบสวนเองในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหา ทุกฉบับกฎหมาย หรือประสงค์จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการ…"
และคณะกรรมการ กกต. ก็ส่งหนังสือตอบดีเอสไอ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เองว่า ยังไม่ได้เสนอ กกต.ชุดใหญ่พิจารณาเรื่องนี้ จึงยังตอบไม่ได้ ฉะนั้นก็ต้องรอลุ้นว่า ดีเอสไอจะเชื่อตาม พ.ต.อ.ทวี รับเป็นคดีพิเศษโดยไม่รอ กกต.ชี้ขาดหรือไม่ หรือว่าจะต้องเลื่อนการพิจารณาออกไป เพื่อรอดูท่าทีของ กกต.
ขณะที่พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เตรียมให้ฝ่ายกฎหมาย รวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการแจ้งความผู้ที่กล่าวหา ทั้งภาครัฐและเอกชน ฐานทำให้วุฒิสภาเสียหาย ถูกเข้าใจผิด
นอกจากนี้ในส่วนของกรรมาธิการวุฒิสภาจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่และที่มาที่ไปของการกล่าวหาวุฒิสภาร้ายแรงเรื่อง "อั้งยี่ ซ่องโจร" อาชญากรรมและภัยต่อความมั่นคง รวมทั้งจะเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และจะหารืออีกครั้งถึงกรณี
การตรวจสอบและกล่าวหาของดีเอสไอ แต่คาดว่าจะอภิปรายภายในสมัยประชุมนี้
เมื่อถามว่าจะอภิปราย พ.ต.อ.ทวี คนเดียวหรือไม่ พลเอกเกรียงไกร กล่าวเพียงว่า เป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและต้องดูด้วยว่า ใครอยู่เบื้องหลัง โดยวุฒิสภาจะพิจารณาเข้าชื่อเสนอประธานวุฒิสภา เพื่อดำเนินการส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คาดว่าเสียงน่าจะเพียงพอ
เมื่อถามเป็นเกมการเมืองหวังล้ม สว. สีน้ำเงินหรือไม่ พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า เรื่องนี้คิดว่าโยงใยมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็อาจจะมีส่วนหนึ่ง แต่ย้ำว่าเรื่องนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย จึงต้องแถลงข่าวด่วนระหว่างการสัมมนาที่อำเภอหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า ตนเองทำงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 38 ปี แต่พอมาดูข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ ตนรับไม่ได้ สมาชิกท่านอื่นก็เช่นเดียวกัน ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมา ทำตามหลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560