ข่าว

วุฒิสภา มีมติ 174 ต่อ 3 เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568

09 ก.ย. 2567

วุฒิสภา มีมติ 174 ต่อ 3 เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 วงเงิน 3,752,700 ล้านบาท ขั้นตอนจากนี้ ปธ.วุฒิสภา จะส่งกลับไปยังนายกฯ เพื่อทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา

9 ก.ย. 2567 ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเสียงข้างมาก 174 เสียง ต่อ 3 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3,752,700 ล้านบาท โดยเป็นการพิจารณาแบบกรรมาธิการเต็มสภา แต่ไม่สามารถแก้ไขใดๆ ได้ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว 3 วาระรวด ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ไป เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณว่า รัฐบาลได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทต่างๆ และอยู่บนพื้นฐานความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนให้ความสำคัญกับสวัสดิการที่จำเป็นสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางสังคม และสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ และประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ

พร้อมยืนยันว่า ข้อคิดเห็น คำแนะนำ รวมถึงความห่วงใยที่ สว.ได้เสนอแนะไว้ตลอดระยะเวลาการประชุม รัฐบาลขอรับไว้ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป

 

 

สำหรับการอภิปรายของ สว.ส่วนใหญ่ ต่างอภิปรายแสดงความเป็นห่วงต่อการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลของรัฐบาล ที่จะส่งผลเสียกับประเทศในอนาคต หากไม่มี อาทิ

นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา ที่เห็นว่าการจัดทำงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลกับตัวเลขหนี้ และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบกับวินัยการเงินการคลังของประเทศในที่สุด เพราะไม่ใช่เพียงแค่รายจ่ายประจำเท่านั้น แต่รัฐบาลต้องชำระเงินกู้ และนำเงินไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ ซึ่งรายจ่ายประจำแต่ละปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องกู้เงินมาแก้ปัญหา หากยังทำเหมือนเดิมอีกไม่นาน ก็อาจต้องล้มละลายในที่สุด

นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา เห็นว่า งบฯ ปี 68 เป็นการใช้งบฯ ที่ไม่คุ้มค่าและไม่โปร่งใส เพราะเป็นโครงการประชานิยม เพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคที่มีลักษณะเฉพาะกิจ และชื่นชมรัฐบาลชุดที่แล้วที่ใช้เงินจำนวนเดียวกัน แต่สามารถกระตุ้นยอดเศรษฐกิจได้ถึง 2 เท่า คือโครงการคนละครึ่ง และยังเห็นว่า โครงการแจกเงินของรัฐบาลนี้ ไม่โปร่งใส ตรวจสอบยาก เพราะเอาเงินในโครงการนี้ไปใส่ไว้ในงบกลาง ใช้กลยุทธ์แบบแอบๆ ซ่อนๆ ซึ่งไม่แน่ใจว่า รัฐบาลมีเจตนาทุจริตหรือไม่ จึงอยากให้รัฐบาลแยกงบก้อนนี้ ออกไปเหมือนกับเป็นงบเพิ่มเติมปี 67 จะดีกว่า

นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตกับการจัดงบประมาณปี 2568 โดยเห็นว่า ขณะนี้อยู่ภาวะไม่ปกติ เป็นภาวะเศรษฐกิจของไทยขนาดตัวต่ำมาก ดังนั้น การทำงบฯ ราวกับภาวะปกติไม่ได้ ซึ่งตามความเป็นจริง รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ควรทำงบประมาณอย่างมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ให้ข้าราชการประจำทำ และไปทุ่มงบไปกับดิจิทัลวอลเล็ต และซอฟต์พาวเวอร์หมดหน้าตัก

 

 

ด้าน นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตั้งข้อสังเกตต่องบประมาณงบกลาง สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลตั้งเป้าจะใช้งบประมาณ 450,000 ล้านบาท โดยเป็นงบงบประมาณค้างท่อจากปี 2567 วงเงิน 40,000 – 50,000 ล้านบาท, งบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ที่ผ่านวุฒิสภาแล้ว 122,000 ล้านบาท, งบประมาณปี 68 วงเงิน 187,000 ล้านบาท และเหลืออีก 140,000 ล้านบาท ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณจากส่วนใด เพราะงบประมาณหลายส่วนก็ไม่สามารถดึงมาใช้ได้แล้ว และวิธีการจ่ายเงิน ก็ยังมีการปรับเปลี่ยน

ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงย้ำว่า รัฐบาลได้เตรียมกรอบงบประมาณสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้ 450,00 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่ยังขาด รัฐบาลใช้การบริหารจัดการจัดหางบประมาณในส่วนที่สามารถทำได้ เช่น ปี 2567 ที่ออกกฎหมายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีงบประมาณส่วนอื่นอีกกว่า 23,000 ล้านบาท เพื่อนำมาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

และในปีงบประมาณ 2568 ก็จะมีการบริหารจัดการงบประมาณ แต่ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะได้มีการปรับเปลี่ยนโครงการภายหลังการปิดลงทะเบียน ที่รัฐบาล จะทราบจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด โดยหักลบกลุ่มเปราะบางออก ซึ่งก็จะทราบจำนวนผู้ขอใช้สิทธิที่ชัดเจน และรัฐบาลก็จะบริหารจัดการโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ และใช้การบริหารจัดการงบประมาณบางส่วน ซึ่งจากจำนวนผู้ลงทะเบียนขณะนี้ 32 ล้านคน ยังไม่หักกลุ่มเปราะบางออก ก็ยังอยู่ในวิสัยที่รัฐบาล ยังสามารถบริหารจัดการได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ (9 ก.ย.) เป็นไปด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากเครื่องปรับอากาศอาคารรัฐสภาเสีย เพราะระบบ Chiller Run ขัดข้อง ทำให้หยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลกระทบถึงเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ทำความเย็นล่าช้าและไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้วุฒิสภา ที่ประชุมภายในห้องจันทรา ต้องประชุมกันท่ามกลางอากาศร้อน และอับ สว.บางคนถึงกับเหงื่อออก จนต้องถอดสูท หรือบางคนถึงขั้นยกเอกสารขึ้นมาพัด จนเจ้าหน้าที่ ต้องนำพัดลมมาช่วยบรรเทาอากาศไปพลางก่อน ก่อนที่เวลา 11.15 น. สำนักอาคารสถานที่ได้แจ้งว่า ได้แก้ไขระบบเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ประชุมวุฒิสภา ให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณ 2568 ฉบับนี้แล้ว ประธานวุฒิสภา จะส่งกลับไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป