ข่าว

เบื้องลึก 'พิชิต ชื่นบาน' องครักษ์พิทักษ์นายกฯ 'เศรษฐา' กับเหตุผลทำไมลาออก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'พิชิต ชื่นบาน' เปิดใจแบบเจาะลึกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' หลังจากพ้นตำแหน่ง งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีง ได้เพียง 2 วัน โดยบอกว่า ตัวเองลาออกครั้งนี้เพื่อชาติ เลือกสละ 'เรือ' มารักษา 'ขุน' ให้สมกับคำ ประกาศว่าเป็น องครักษ์พิทักษ์นายกฯ 'เศรษฐา ทวีสิน'

พิชิต ชื่นบาน โชว์หนังสือลาออกจากตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

วันที่24พ.ค.2567 กรณี ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียงให้รับคำร้องของ 40สว. เพื่อวินิจฉัยสถานะ คุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ของ เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 เพียงตำแหน่งเดียว ขณะที่ พิชิต ชื่นบาน ผู้ถูกร้องที่ 2 ศาลได้มีมติ 8 ต่อ 1 เสียงไม่รับคำร้องได้พิจารณา เพราะเหตุแห่งการ ลาออก จากรัฐมนตรีได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567

 

พิชิต ชื่นบาน นั่งตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เพียง 24 วัน เล่าถึงความรู้สึกกับข้อครหาว่า เป็น ทนายถุงขนม ทั้งที่คำสั่งของศาลฎีกา ที่ 4599/2551 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2551 ในคดีละเมิดอำนาจศาล เป็นการตัดสินด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเท่านั้น และคำสั่งดังกล่าวไม่ใช่การต้องโทษในคดีอาญา ที่มีผลต่อลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรี ด้วยฟางเส้นนี้ทำให้ เศรษฐา ต้องถูกลากไปถึง ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลของคำวินิจฉัยมีเพียง "รอด" หรือ "ร่วง" เท่านั้น

“ผมเป็นคนเดียวในประเทศไทย ที่ศาลเดียวตัดสินแล้วจบชีวิตเลย จริงๆคนที่มีใจให้ความเป็นธรรมกับผม ต้องคิดเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา ในแวดวงชุมชนนักกฎหมาย ต้องเอาเรื่องผมไปศึกษา" พิชิต กล่าว

 

พิชิต ยังกล่าวด้วยว่า นักการเมือง ต้องหาคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้ว ก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้ แต่ทนายความ ทำงานศาลเดียวจบ คดีเกิดที่ศาลฎีกาคดีถึงที่สุดแล้ว เรียกลูกศิษย์ เพื่อนทนายความ เราว่าดูไม่ผิด ไม่มีกฎหมายบัญญัติ เหตุเกิดที่ศาลฎีกา ข้องใจมันโดนครั้งที่สองก็ช็อกอีก

 

พิชิต กล่าวถึงคดีละเมิดอำนาจศาล ในระหว่างที่ว่าความให้ลูกความคือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2551 เพื่อต่อสู้คดีที่ดินรัชดา แต่การว่า ความของเขากลับมาประสบชะตากรรมที่ไม่คาดในชีวิต ซึ่ง ผมเข้าใจธรรมเนียมเข้าใจในกรอบกฎหมายดีพอ ในประเด็นที่มีการกล่าวหาว่าให้สินบนเจ้าหน้าที่ศาล มันไม่มีเหตุจูงใจใดๆ เลย นั่งคิดนอนคิด กี่ตลบ เราไม่มีจิตวิปลาส หรือเสียสติ เอาเงิน 2 ล้านขึ้นไปให้เจ้าหน้าที่ศาล มันหาเหตุหาผลไม่ได้ ด้วยเรื่องอะไร เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องรับชะตากรรม

เมื่อถามว่า ปกติวิสัยเป็นทนายจะต้องถือถุงกระดาษมีเงินจำนวนมากไปศาลหรือไม่ พิชิต บอกทันทีว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก เอาสมองส่วนไหนคิด วิชาชีพทนายความ การจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่ศาล มันมีหลายวิธี ไม่ต้องทำเรื่องเสียสติ ผมใช้คำว่าเสียสติ ผมไม่รู้ใครอะไรยังไง ผมอยู่ห้องแคบๆ ห้องพักรับรองกับลูกความผมอยู่ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอาตัวผม หรือทนายความทั่วไป ไม่มีใครมีความคิดอย่างนั้นหรอก”

 

หลังจากที่ รู้ว่า ศาลฎีกา มีคำสั่งให้คุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เป็นเวลา 6 เดือน พิชิต บอกว่า พยายามจะต่อสู้ด้วยการร้องขอต่อประธานศาลฎีกา เพื่อให้นำเรื่องละเมิดอำนาจศาลมาขอคืนความเป็นธรรม และมีความคิดด้วยว่า จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการถูกตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เพราะคดีนี้ไม่ได้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา แต่เพื่อนฝูงที่เป็นผู้พิพากษา อัยการได้ห้ามปรามและบอกให้ทนๆ ไป

 

"ผมถูกคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 6 เดือนเข้าไปคืนแรกนอนร้องไห้ จากคนที่ไม่เคยร้องไห้ ชีวิตเราทำไมต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งเวลาเราว่าความไม่เคยแกล้งใคร ไม่เคยทำให้ใครทำขาวให้เป็นดำ ทำดำให้ขาว เราทำงานตรงไปตรงมา ว่าทำไมอย่างนี้ ก็พยายามหาคำตอบในชีวิต"

 

พิชิต เล่าต่อว่า ตนเข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มีแขกเยี่ยมมากที่สุดทุกวัน วันละ 30-50 คน และก็ได้ข้อคิดว่า คนที่ถูกคุมขังรับโทษ เหมือนนรก สวรรค์บนแผ่นดินมีจริง คนไม่มีพวกก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลยนะ อยู่ในนั้นเป็นปีสองปีก็ไม่มีใครมาเยี่ยม ตนก็เอาสิ่งที่ได้รับจากการเยี่ยมทั้งบุหรี่ ทั้งอาหารก็ไปแจก ในแดนที่ ตนอยู่ 400 กว่าคน ตนได้สัจธรรม ชีวิตถ้าเราอยู่ถ้าอยู่ข้างนอกไม่มีโอกาสเจอคนพวกนี้หรอก

 

พิชิต เล่าว่า เหมือนเขาให้สติ อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ข้างในถ้าคนอยู่ไม่เป็น เย็นไม่พอ รอให้ได้ ก็ฆ่าตัวตาย หรือป่วยทางจิต เขาเรียกรั่ว คือ เดินมองท้องฟ้า ตน ก็กลัวรั่ว ซึ่ง ตน ก็อาศัยเวลา 6โมงเช้าวิ่งหน้าเสาธง วิ่งเพื่อให้วันนั้นมันเหนื่อย เพื่อนอนหลับ เพลียนอนหลับ ก็เริ่มนอนหลับ จาก 3 เดือนหลับบ้างไม่หลับบ้าง

 

"เอาว่าในประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน แล้วให้ผมสาบานหรืออะไรก็ได้ในทางเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมพร้อมไปทุกที่เลยในชีวิตผม จะเอากันแบบบ้านๆ เวลาขึ้นศาลยังมีคำสาบาน จะให้การให้ความสัตย์จริง เอาไปได้เลย สาบานที่ไหนในโลกนี้ จุดนี้สำคัญที่สุด ถ้าผิดคำสาบานให้มีเหตุเป็นไป ซึ่งคำสั่งนี้มีข้อสังเกตหลายประการ ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่ผมถูกตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ศาลเดียวจบ ไม่สามารถอุทธรณ์ ฎีกาได้มากมาย"

 

จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมา 16 ปีในคดีละเมิดอำนาจศาล พิชิต ได้รับเลือกตั้งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยในปี 2554 จนถึงปี 2567 พิชิต มารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  เศรษฐา  กระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด

 

ในช่วงจังหวะนี้  40 สว. เดินเกมทันที ร้องศาลรัฐธรรมนูญถึงสถานะความเป็นรัฐมนตรีของ  เศรษฐา  โดยมี พิชิต เป็นต้นเหตุแห่งคำร้อง

 

พิชิต บอกว่า ใครจะมองผมว่า จะมาตัดตอนหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่ได้คิดหรอก ตน คิดแต่ว่า นายกฯ เศรษฐา ต้องอยู่ ตนถึงบอกว่า ตนเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เศรษฐา จึงเลยลาออกจากรัฐมนตรี เพราะคิดอย่างเดียวว่า จะเซฟ เมื่อเหตุมาจากตน ก็ต้องมีจิตสำนึก สปิริตมีความรับผิดชอบ ถ้าอยู่แล้วทำงานทำให้เสีย อยากให้ท่านทุ่มเทสรรพกำลังทำงานให้ประเทศชาติ

 

ถามว่า ทำงานเป็นรัฐมนตรีเพียง 23-24 วันเสียดายหรือไม่ พิชิต บอกว่า  ไม่ยึดติดตำแหน่ง จะอยู่ 1-2 ปี อยู่กี่เดือน ก็ไม่เที่ยง แต่ตำนานที่ เรา ได้ทำอะไรไว้แก่ชาติบ้านเมืองสำคัญกว่า นี่คือสำนึกในชีวิตผม ผมลาออกวันนี้ ผมไม่ได้มีความเดือดเนื้อร้อนใจเลยนะครับ กลางคืนนอนหลับปุ๋ย

 

"ความรู้สึกผมไม่ยึดติด ขออยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้กลับมาตัวตน พิชิต ชื่นบาน คนเดิม ผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้า ผมเป็น พิชิต ชื่นบาน ใครรู้จักผมทำงานกับผมจะรักผม”

 

พิชิต บอกด้วยว่า "การ ลาออก ครั้งนี้ ทำงานเพื่อชาติ ตำแหน่งเป็นเรื่องชั่วคราว จำไว้นะครับ ตำนานเป็นเรื่องยาวนาน ตน สร้างมาตรฐานครั้งนี้เป็นตำนานว่า ถ้ามีประเด็นปัญหาทำให้ ครม. นายกฯมีปัญหา ประเทศชาติสะดุด ผมลาออกเพื่อชาติ เลยเขียนใบลาออก" 

 

สำหรับคำร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ เศรษฐา  แล้ว โดย พิชิต บอกว่า เป็นดุลพินิจของศาล ผมไม่ก้าวล่วง  ไม่ควรตั้งสมมติฐานแทนว่า จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  เมื่อเรื่องอยู่ที่ศาลต้องเคารพดุลพินิจของศาลท่าน แต่เรื่องส่วนตัวผม ผมดับที่เหตุแล้ว

 

ถามถึงภารกิจของ พิชิต มาเป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ถูกมองว่ามีภารกิจสำคัญพา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ กลับประเทศ ทำให้ พิชิต บอกว่า คนพูดกันไม่รู้หลักเกณฑ์กฎหมายบ้านเมือง ตัวผมจะทำอะไรได้ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มันก็แค่ทำได้ที่ปรึกษากฎหมาย พอถ้าท่านจะกลับ เครื่องบินลงจอดเสร็จ ท่านก็หมดอิสรภาพแล้ว เพราะท่านจะถูกตำรวจเอาหมายไปควบคุมตัว เสร็จก็ส่งไปศาล ศาลจะออกใบแดงแจ้งโทษ เสร็จท่านก็อยู่ในความดูแลกรมราชทัณฑ์แล้ว ถามว่า พิชิต ชื่นบาน ช่วยอะไรได้

 

“เราเคารพการตัดสินใจของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ท่านเป็นบุคคลที่ ผมให้ความเคารพด้วยชีวิตเลยก็ได้ เพราะท่านมีเมตตากับผม ท่านเป็นคนไม่มีวาระซับซ้อน ตรงไปตรงมา จิตใจดี ท่านเป็นคนมีบุญคุณในชีวิตผม ผมก็ต้องพูดเรื่องจริงเท่านั้น ท่านกลับมาต้องเจออย่างนี้นะ ผมจะไปโกหกท่านได้อย่างไร”

 

พิชิต กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิต คือ พรรคพวกทิ้งตน มากกว่าตำแหน่ง ตนถึงคิดว่าตำแหน่งเป็นเรื่องชั่วคราว ตำนานเป็นเรื่องยืนยาวกว่า ก่อนดินจะกลบหน้าผม ผมถือว่าต้องสร้างตำนาน แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องใหญ่ของผม การตัดสินใจของผมทำให้ประเทศชาติ ประชาชน มีความสุขด้วย

 

ที่มา..https://www.bangkokbiznews.com/politics/1128283?anf=

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ