'พิธา' ลงพื้นที่เชียงใหม่ ลุยดับไฟป่า ชี้ขาดแคลนอุปกรณ์-แรงงาน
'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ลงพื้นที่ลุยดับไฟป่า ชี้ ปัญหาสำคัญยังขาดแคลนอุปกรณ์ และร่วมภารกิจดับไฟป่าที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่
ที่หน่วยปฏิบัติการดับไฟป่าของกรมป่าไม้ อ.สันป่าตอง 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าพื้นที่ฐานปฏิบัติการดับไฟป่าของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ร่วมกับอาสาดับไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา ก่อนที่จะลงพื้นที่จริงที่อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
โดยได้สอบถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ถึงจำนวนคนที่จะช่วยดับไฟป่า ได้รับรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟประมาณ 300 คนที่ปฏิบัติการอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ที่ประจำหน่วยป้องกันมีอยู่ประมาณ 10-12 คน ซึ่งแต่ละหน่วยมีจำนวนคนไม่เท่ากัน แบ่งเป็นอำเภอละประมาณ 10 คน ทำให้จำนวนคนไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ไฟไหม้ สะท้อนให้เห็นถึงการขาดแคลนแรงงานเหมือนกับพยาบาล
ด้าน สมบัติ บุญงามอนงค์ ตัวแทนดับไฟป่าของมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า หน่วยของตนเองประจำอยู่ที่จังหวัดเชียงรายแต่ช่วงนี้ไม่มีสถานการณ์ไฟป่า จึงมาช่วยที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 50 คน
ขณะที่ ณัฐพล สิงห์เถื่อน หัวหน้าศูนย์อาสาสมัคร รับผิดชอบกรณีไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา ได้เล่าถึงแผนงานปฏิบัติงานประจำวันว่า ใกล้ฐานที่ตั้งมีบริเวณไหนเกิดสถานการณ์ไฟป่าบ้าง หลังจากนั้นก็จะทำการบินโดรนเพื่อสำรวจ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการวัดจุดฮอตสปอตของจังหวัด โดยจะดูความเป็นจริงว่าทิศทางไฟจะไปทางใด ทั้งนี้ จุดฮอตสปอตจะเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 02:00 น. แต่เมื่อถึงช่วงเช้าไฟก็จะลุกลาม
ดังนั้น จึงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะจุดฮอตสปอตไม่ใช่ข้อมูลเรียวไทม์จึงจำเป็นต้องมีการบินโดรนสำรวจไฟลามไปถึงจุดไหนแล้ว ขณะเดียวกัน ฐานปฏิบัติการนี้ ต้องยอมรับว่ามีเครื่องบินโดรนน้อยมากในการสำรวจจุดกำเนิดไฟ และเมื่อทราบจุดไฟไหม้ที่ชัดเจนแล้วก็ จะแบ่งทีมไปจุดนั้น โดยจะใช้ภาพโดรนของมูลนิธิกระจกเงาประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้น
"หน่วยงานรัฐยังขาดแคลนอุปกรณ์ เช่นโดรนบินสำรวจซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ซื้อมาใช้เองแต่ไม่ใช่โดนความร้อนใช้เพื่อดูแนวไฟซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเห็นความจำเป็นของการใช้โดรนเพื่อดูแนวของไฟ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการดับไฟป่า เป็นต้น ห้าปีที่ผ่านมาเราเป็นเหมือนทีมดับไฟแทนเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป้าหมายของเราคือเราจะศึกษาพฤติกรรมการดับไฟเทคโนโลยีการใช้เครื่องมือต่างๆและเชื่อมโยงกับภาครัฐและสิ่งที่เราเห็นข้อจำกัดของภาครัฐมีเราอยากให้ภาครัฐใช้ในสิ่งที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน" ณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม พบว่าการเกิดไฟป่าเกิดจากมนุษย์ และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ของอุทยานและป่าไม้ ที่ไม่ใช่ในพื้นที่ทางการเกษตรอย่างที่รัฐบาลเข้าใจ
สำหรับ 'พิธา' ได้กล่าวสรุปว่ามูลนิธิกระจกเงาต้องการที่จะใช้ความร่วมมือและเทคโนโลยีเพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรมไฟและเข้าไปถึงให้เร็วที่สุดและได้รับรู้การใช้จำนวนคนที่จะเข้าไปช่วยดับไฟให้ได้มากที่สุด
จากนั้นพิธา พร้อมด้วยเหยี่ยวไฟและอาสาสมัครฯได้เดินทางไปปฏิบัติการดับไฟไหม้ป่าจริงที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ทันที โดยได้มีการเตรียมตัว ทั้งหมวก หน้ากาก อาหารพร้อมน้ำดื่มเข้าไปด้วย เพราะอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินเข้าไปในพื้นที่