ข่าว

ยกฟ้อง ‘ไชยันต์ ไชยพร’ ไม่หมิ่นประมาท ‘ณัฐพล ใจจริง’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอาญายกฟ้อง ‘ไชยันต์ ไชยพร’ ไม่ผิดหมิ่นประมาท’ณัฐพล ใจจริง’ ผู้แต่งหนังสือ "ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ" และ "ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี" ศาลชี้สามารถวิพากษ์วิจารณ์โต้แย้งวิทยานิพนธ์ได้

5 มี.ค. 2556 ที่ห้องพิจารณาคดี 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดี อ.1939/2565 ที่นายณัฐพล ใจจริง อาจารย์ประจำสังกัดคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้เขียนหนังสือ "ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ" และ "ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี" ของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 1 ล้านบาท

 

สืบเนื่องจาก ศ.ไชยันต์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง เช่น วันที่ 9 พ.ย. 2564 กล่าวหาว่า นายณัฐพล ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เป็นบุคคลที่จัดทำวิทยานิพนธ์ระดับชั้นปริญญาเอกจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องการเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ.2491-2500) และผู้เขียนหนังสือ "ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ" และ "ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี"ของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ใช้ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เอกราช ที่ไม่มีอยู่จริงมาอ้างอิงเป็นส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์ และพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อสร้างกระแสความรู้สึกให้ผู้อ่านเกลียดชังสถาบันเบื้องสูง  ซึ่งนายณัฐพล ได้แจ้งความไว้ที่สน.หัวหมากและยื่นฟ้องเป็นคดีอาญา เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2565

 

โดยในวันนี้ นายไชยันต์ อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมนางสาวอัจฉรา แสงขาว ทนายความ ขณะที่โจทก์มอบอำนาจให้เสมียนทนายความมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า โจทก์จัดทำวิทยานิพนธ์และผลงานโดยใช้เสรีภาพทางวิชาการ ดังนั้น จำเลยในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีเสรีภาพในการเห็นต่างจากเนื้อหาหรือข้อความในผลงานของโจทก์เช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นหัวหน้าโครงการงานวิจัยและดำเนินการวิจัยผลงานต่างๆ ของนักวิชาการ จนตรวจพบจุดบกพร่องในวิทยานิพนธ์ของโจทก์ และจำเลยแจ้งไปยังบัณฑิตวิทยาลัย จนมีคำสั่งระงับเผยแพร่วิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2562 แต่โจทก์กลับนำเนื้อหาที่มีจุดบกพร่อง ดังกล่าวไปพัฒนาเขียนเป็นหนังสือและมีการตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณชน

 

จำเลยในฐานะประชาชนทั่วไป ย่อมมีสิทธิตรวจสอบว่าเนื้อหาในบทความ หรืองานเขียนดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ แม้ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของโจทก์ หรือแม้แต่จำเลยไม่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหาในวิทยานิพนธ์หรือบทความและหนังสือของโจทก์ก็ตาม

 

ยิ่งกว่านั้นในฐานะที่จำเลยเป็นนักวิชาการซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา เมื่อจำเลยตรวจสอบแหล่งอ้างอิง โดยมีศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ มาเบิกความสนับสนุนว่าจำเลยได้ ทำการตรวจสอบตามหลักวิชาการแล้ว ปรากฏว่าไม่มีข้อความที่โจทก์เขียนจากแหล่งอ้างอิง อีกทั้งมีแต่การตีความข้อความเห็นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง อันมีลักษณะที่จำเลยเห็นว่าเป็นการบิดเบือน จำเลยย่อมมีสิทธิทางวิชาการ หรือโต้แย้งและนำเสนอต่อสาธารณชนได้ไม่ว่ารูปแบบใด เช่น สื่อ ออนไลน์ เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น เฟซบุ๊ก และให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อความอีกด้าน

อีกทั้ง เพื่อความเป็นธรรมต่อบุคคลที่โจทก์กล่าวถึงในผลงาน โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและไม่มีโอกาส โต้แย้งหรือให้ข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความเป็นธรรมต่อสถาบันฯซึ่งโจทก์เขียนถึงโดยไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง การโพสต์ข้อความของจำเลยตามฟ้องนับว่าจำเลยได้กระทำหน้าที่ของบุคคลในฐานะปวงชนชาวไทยในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 50 (1) รวมทั้ง นับได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)(3) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น ข้อเท็จจริงอื่นนอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง

 

ภายหลังนายไชยันต์ เปิดเผยว่า ศาลยกฟ้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพราะตนเองไม่ได้ไปให้ร้ายกับใคร แล้วก็มีหลักฐานทุกอย่างครบถ้วน ตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่งมีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบสิ่งที่คนอื่นเขียนมา และศาลบอกว่าสามารถที่จะสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก สื่อออนไลน์ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเขียนวิจารณ์ผ่านบทความวิชาการ เพราะว่าเป็นประโยชน์สาธารณะ และสิ่งที่โจทก์เขียนมาก็บิดเบือนและไม่มีหลักฐานรองรับ เมื่อตนเองตรวจพบข้อบกพร่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีต แต่ต่อให้ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ อย่างน้อยก็ต้องให้มีความถูกต้องทางวิชาการ การอ้างอิงจะต้องมีหลักฐาน ไม่กุเรื่องขึ้นมา

 

นายไชยันต์กล่าวว่า “ความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่นอน คือ ความเข้าใจผิดว่ารัชกาลที่ผ่านมา สนับสนุนรัฐประหาร มีความกระตือรือร้นลงนามให้กับคณะรัฐประหาร ที่มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็จะทำให้เยาวชนที่มาอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์ช่วงปี2556 และ 2563 เข้าใจผิดได้ ทั้งหมดนี้อาจมาจากนักวิชาการบางท่านที่เขียนอะไรบิดเบือน โดยอ้างเชิงอรรถ (footnote) อย่างดี เป็นภาษาอังกฤษ จากหอจดหมาย หรือ รายงานสถานทูตอเมริกา เป็นต้น แต่เมื่อเราอ่านแล้วไปตรวจสอบก็พบว่าไม่เป็นความจริงตามนั้น ปัจจุบันตนเองยังเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมานานตั้งแต่ปี 2535 นับเป็นร้อยๆ เล่ม และตนเองค่อนข้างมีความเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทางวิชาการ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ