ข่าว

'สมศักดิ์' ปลื้มดัชนีรับรู้การทุจริตดีขึ้น ตั้งเป้าติด 1 ใน 20 ภายใรปี 2580

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'รองนายกฯสมศักดิ์' เผย ดัชนีการรับรู้การทุจริต-ร้องเรียนดีขึ้น ส่งผลปี 65 ไทยอยู่อันดับ 101 เน้นใช้หลักนิติธรรม งบน้อย ผลลัพธ์ดี

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันครบรอบการสถาปนา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ปีที่ 16 ระบุว่า ป.ป.ท. เป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งมีบทบาทสําคัญในการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน 

ขณะนี้ถือว่า ป.ป.ท. ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทําให้ตัวเลขประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI ดีขึ้น รวมถึงเรื่องร้องเรียนการทุจริตก็ลดน้อยลง ซึ่งตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน มีสถิติการรับเรื่องร้องเรียน จํานวน 39,903 เรื่อง และมีแนวโน้ม การรับเรื่องร้องเรียนน้อยลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 โดยการประเมินสถานการณ์การทุจริต คอร์รัปชันในระดับโลกจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้ประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI จาก 180 ประเทศทั่วโลกโดยใน 2564 ประเทศไทย ได้ 35 คะแนน จัดอยู่ในอันดับ ที่ 110 ของโลก แต่ในปี 2565 ประเทศไทยได้ 36 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก ลดลงมา 9 อันดับ ซึ่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องมีคะแนนประมาณ 73 คะแนน หรืออยู่อันดับ 1 ใน 20 ของโลกภายในปี 2576-2580 เพื่อขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไป  

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ​​​​​​​

'สมศักดิ์' ปลื้มดัชนีรับรู้การทุจริตดีขึ้น ตั้งเป้าติด 1 ใน 20 ภายใรปี 2580

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีนโยบาย ทั้งด้านการใช้หลักนิติธรรม หรือ Rule of Law ที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือของคนในประเทศ เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สําคัญ ทําให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือ โดยใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ และยังมุ่งเน้นการนําเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ขจัดช่องโหว่ในการทุจริต ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการ ทํางานของภาครัฐ ให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ทําให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

“รัฐบาล มีความยินดีที่จะส่งเสริมให้ ป.ป.ท. พร้อมกับหน่วยงานเครือข่าย รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ถึงพิษภัยและความร้ายแรงต่อการเพิกเฉยและปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเงินงบประมาณ ที่เกิดจากเงินภาษีของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายในการป้องกัน และเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการดําเนินงานที่สําคัญในการป้องกันและขจัดการทุจริตที่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ ป.ป.ท. จะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่กลับมีภารกิจและ ความรับผิดชอบครอบคลุมหน่วยงานในภาครัฐทั่วประเทศ เพื่อให้งบประมาณของแผ่นดินถูกใช้อย่างคุ้มค่า ประเทศชาติได้รับการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีมีสุข จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ป.ป.ท. เป็นองค์กรหลักที่เป็นกลไกของฝ่ายบริหารในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของภาครัฐ ตามความคาดหวังของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว 

 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 25 มกราคม 2567 ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสํานักงาน ป.ป.ท. ครบรอบ 16 ปี และกําลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ตนขอมอบแนวทางในการดําเนินงาน สําหรับเป็นทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสํานักงาน ป.ป.ท.ในอนาคต โดยแบ่งเป็นงานสําคัญ 3 ด้าน คือ ป้องกัน ป้องปราม และ ปราบปราม รวมถึงอีกประเด็นสําคัญคือ ร่าง พ.ร.บ. มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่สําคัญ เพราะเป็นการเพิ่มอํานาจให้ ป.ป.ท. สามารถตรวจสอบการทํางานของฝ่ายบริหาร เป็นการยกระดับให้ประเทศมีความโปร่งใสมากขึ้น จึงขอให้ ป.ป.ท.เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยทำให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหมดไป

'สมศักดิ์' ปลื้มดัชนีรับรู้การทุจริตดีขึ้น ตั้งเป้าติด 1 ใน 20 ภายใรปี 2580

logoline