ข่าว

'ก้าวไกล' ปัดไม่ใช่พรรคแรกแก้ไข ม.112 เผยมีตั้งแต่สมัย 'มาร์ค-ปู'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ชัยธวัช' มั่นใจไม่ได้ล้มล้างการปกครอง ด้าน 'พิธา' เผย ไม่ใช่พรรคแรก มีตั้งแต่สมัย 'อภิสิทธิ-ยิ่งลักษณ์' ใช้แก้ไขความขัดแย้ง ไม่กังวลผลตัดสิน ยืนยันทำงานต่อ

2 ชั่วโมงผ่านไปสำหรับเข้าให้การไต่สวนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีที่พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

 

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า คิดว่าการไต่สวนเป็นไปด้วยดี ยังมั่นใจข้อเท็จจริงตามกฎหมายและเจตนาของเรา ซึ่งสามารถชี้ได้ว่า "ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง"

ก่อนหน้านี้ได้ทำคำชี้แจงในประเด็นสำคัญๆ แล้ว วันนี้หลักๆ มาตอบคำถามที่ตุลาการซักถามเพิ่มเติม ซึ่งมีคำถามหลากหลาย แต่พูดได้ไม่หมดเพราะระหว่างไต่สวน รอบของตนและนายพิธาแยกกัน โดยศาลนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค.2567 

 

นายชัยธวัช ย้ำยังเชื่อมั่นเหมือนเดิม การเสนอร่างกฎหมายโดยการใช้กระบวนการนิติบัญญัติ และแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงกฎหมายอาญา หมิ่นประมาท ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ ทั้งนี้การเสนอร่างใดๆ มีกระบวนการของสภาแล้วไม่ว่าจะเป็นวาระที่ 1 วาระที่ 2 วาระที่ 3 ซึ่งต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ กรรมาธิการในการคัดกรองพิจารณาเนื้อหาซ้ำอีกครั้ง ยังมีกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญก่อนผ่านสภาและก่อนประกาศใช้จะสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นการเสนอกฎหมายไม่มีทางนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้

 

ด้านนายพิธา ยังมั่นใจว่ากระบวนการราบรื่นดี พอใจที่ได้แถลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ข้อสงสัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทุกสิ่งที่ตั้งใจมาเป็นไปตามความคาดหมาย ข้อเท็จจริงหลายๆ เรื่อง ข้อเสนอแก้ไขทางนิติบัญญัติไม่ได้มาจากพรรคเราเป็นพรรคแรก แต่มาจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ดีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคเดียวที่ยื่น ดังนั้นน่าจะยืนยันได้ในเรื่องของเจตนาว่า ไม่ได้มีเจตนาจะล้มล้างการปกครอง 

 

เมื่อถามว่า หากผลการตัดสินออกมาเป็นคุณทั้ง 2 คดีในพิธาจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยังทำงานกับพรรคก้าวไกล แต่ถ้าออกมาเป็นคุณ บทบาทของตัวเองในพรรคก้าวไกลก็ต้องรอเดือนเม.ย.2567 ที่จะมีการประชุมวิสามัญใหญ่พรรคก้าวไกล ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดอะไร สามารถทำงานการเมืองได้ทุกรูปแบบ ไม่กังวลใจยังสามารถทำงานต่อได้

 

ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ยังจะเป็นนโยบายหาเสียงครั้งต่อไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นนโยบายหาเสียงชุดที่แล้วและเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ชุดที่แล้ว ตอนนี้เป็น สส.ชุดใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีการหารือพูดคุยกันในพรรค เพราะตอนนี้ก็ยังเป็นข้อพิพาทในศาลรัฐธรรมนูญอยู่ 

 

เมื่อถามต่อว่า หากศาลวินิจฉัยทิศทางใดทิศทางหนึ่งหรือให้เรายุติ ยกเลิกนโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อจุดยืนการทำงานของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอให้คำพิพากษาศาลออกมาก่อน เป็นเรื่องของ สส. แต่ละคน ดูสถานการณ์บริบทของบ้านเมือง ซึ่งแตกต่างกันไป ตอนที่เรายื่นตอนนั้นก็ต้องเข้าใจว่าบริบทการเมืองตอนนั้นมีการใช้ความรุนแรง และมีคดี้กี่ยวข้องมาตรา 112 เพิ่มขึ้นจากหลักสิบเป็นหลักร้อยเป็น 268 คดี ในปี 2563 โดยมีเยาวชน 20 กว่าคน 

 

ดังนั้นในปี 2564 จึงคิดว่า นี่เป็นทางออกของการเมืองตอนนั้น เมื่อมีการละเมิดสิทธิ์ก็ต้องหาทางออกในรัฐสภาที่เรายึดถือ ณ ตอนนั้น ตอนนี้ต้องแล้วแต่สส.แต่ละคนและสถานการณ์ ดูองค์ประกอบหลายเรื่อง 

 

นายพิธา ย้ำว่า พอใจ หากย้อนกลับไปเท่าที่ตัวเองคิดตอนนี้ มองว่าไม่มีอะไรอยากจะทำเพิ่ม ทำเต็มที่แล้ว รอคำพิพากษา ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่มาให้ปากคำ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์ 4-5 ท่าน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ