เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 นายไพฑูรย์ แก้วทอง กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ บิดานายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ให้สัมภาษณ์ ถึงการเลือก หัวหน้า ปชป.คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธันวาคม นี้ว่า เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ ซึ่งทุกคนก็อยากให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จึงขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค
“เพราะตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องนำคนรุ่นใหม่มาทำงาน เพื่อให้ถึงลูกถึงคน และอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ก็จะต้องรับฟังได้ทุกอย่าง ไม่ใช่เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน ก็ถอดใจไม่ได้ ดังนั้น จึงจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ และต้องใช้คนรุ่นใหม่ ผมก็มีหน้าที่สนับสนุน และทุกคนนับถือผมเป็นเสมือนพ่ออยู่แล้ว”
นายไพฑูรย์ ยังกล่าวถึงนิสัยใจคอของนายนราพัฒน์ว่า นายนราพัฒน์ มีความนิ่งกว่าตน และถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ แม้จะอายุ 54 ปี แต่ผ่านประสบการณ์มามากทั้ง สส.4 สมัย และผู้ช่วยรัฐมนตรี 2 สมัย และยังมีแนวคิดที่จะรื้อฟื้นโครงการยุวประชาธิปัตย์ ที่ทำให้พรรคฯ เข้มแข็งด้วย ซึ่งหากนายนราพัฒน์ ไม่ได้เป็น หัวหน้า ปชป.คนที่ 9 ก็ไม่เป็นไร เพราะอยู่ตำแหน่งใดก็สามารถทำงานได้ แต่นิสัยใจคอของนายนราพัฒน์ สามารถอยู่กับใครก็ได้ สามารถทำงานได้ไม่มีปัญหา
ส่วนหากนายนราพัฒน์ แพ้การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ แล้ว ก็จะยังคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อใช่หรือไม่นั้น นายไพฑูรย์ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา เพราะอย่างตนเอง ก็ยังเคยทำงานกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทุกคนสามารถทำงานกันได้หมด
นายไพฑูรย์ ปฏิเสธที่จะคาดการณ์ว่า การเลือกตั้ง หัวหน้า ปชป.คนที่ 9 จะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่นายนราพัฒน์ ยืนยันแล้วว่า หากชนะก็จะเชิญ น.ส.วทันยา บุนนาค มาร่วมทำงานด้วย หรือหากไม่มีสิทธิ์ชนะก็พร้อมช่วยงานผู้ชนะ
นายไพฑูรย์ ยังยืนยันด้วยว่า นายนราพัฒน์ ไม่ได้มาหารือกับตนอย่างเฉพาะเจาะจง เพียงแต่มีการพูดคุยทั่วไป และตนไม่ได้เข้าข้างใคร แต่การช่วยหาเสียงเป็นเรื่องธรรมดา และไม่ใช่การหาเสียงว่า ลูกตนเองดีอย่างไร แต่ให้สมาชิกพรรค ได้พิจารณาตัดสินใจเอาเอง
นายไพฑูรย์ ยังย้ำว่า ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ก็จะต้องยอมรับ ไม่ใช่แพ้แล้วหนีออกจากพรรค เหมือนที่ผ่าน ๆ มา เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจ้าของ ดังนั้น ผู้แพ้ก็ควรอยู่กับพรรค และผู้ชนะจะต้องใจกว้างเชิญมาร่วมงานด้วย ไม่ทำให้เกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนายนราพัฒน์ เพียงคนเดียว แต่จะต้องใช้คนหลาย ๆ ฝ่ายทำงานร่วมกัน และจะต้องใจเย็น ไม่ทะเลาะกัน
“เพราะที่ผ่านมา ผู้แพ้ก็จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชนะก็ไม่ได้ชักชวนผู้แพ้มาร่วมงานด้วย กลายเป็นคนละพวก จึงไปไม่รอด และหวังว่า การสื่อสารของผมจะเป็นแนวทางให้ทุกคน และผู้ใหญ่ในพรรคฯ ได้พิจารณาด้วยครับ”นายไพฑูรย์ กล่าวย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง