ข่าว

’จตุพร-ทนายนกเขา‘ ร่วมม็อบปาเลสไตน์ ยันไม่ได้เลือกข้าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘จตุพร-ทนายนกเขา’ โผล่ร่วมม็อบปาเลสไตน์ ยันไม่ได้เลือกข้างแต่มาฟังเสียงของผู้ถูกกดขี่ข่มเหง ยินดีหากสถานทูตอิสราเอลกล้าเชิญไปพูด

วันที่ 21 ต.ค. ในการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ในประเทศไทย บริเวณหน้าสถานทูตอิสราเอลวันนี้ พบว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โผล่ร่วมปราศรัยด้วย โดยพูดถึงการถูกกดขี่ของชาวปาเลสไตน์

โดย ทนายนิติธร ให้สัมภาษณ์ระบุว่า เป้าหมายของการทำกิจกรรมวันนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกข้างปาเลสไตน์ แต่เป็นการต่อต้านการกดขี่ โดยมองว่าการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อทำร้ายใคร ซึ่งหากเทียบกับการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความประนามการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสก่อนหน้านี้ ถือว่าการชุมนุมวันนี้ยังเทียบไม่ได้ ดังนั้นประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะการชุมนุมวันนี้มีการประสานฝ่ายความมั่นคงรวมถึงเรื่องการช่วยเหลือคนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และหากสถานทูตอิสราเอลเชิญตนเองไปพูดบ้าง ก็ยินดีจะไป และจะพูดแบบเดียวกัน ซึ่งก็จะต้องถามว่าเขาจะฟังความจริงแบบนี้หรือไม่ 

นายนิติธร กล่าวต่อว่า ส่วนที่มาในวันนี้เพื่อแสดงจุดยืนเรื่องสันติภาพที่ทั่วโลกมีหลักธรรม มีความเชื่อ มีศาสนาทุกพื้นที่ แต่ไม่ควรมีการกดขี่กัน ดังนั้นการปลดปล่อยการกดขี่ จะเป็นเรื่องที่นำโลกนี้ไปสู่สันติภาพได้อย่างแท้จริง วันนี้ถ้าวันนี้พื้นปาเลสไตน์และอิสราเอลสงบได้ ก็เกิดสันติภาพได้ เพราะนี่เป็นความขัดแย้งใหญ่ ถ้าเกิดได้จริงทั่วโลกก็สงบได้

 

ส่วนกังวลหรือไม่ว่าการออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้จะถูกจับตาจากฝ่ายความมั่นคงที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่นั้น นายนิติธร ระบุว่า หากไม่เคลื่อนไหวพี่น้องชาวมุสลิมในประเทศไทยกว่า 5 ล้านคนจะทำอย่างไร และวันนี้คนอิสราเอล อเมริกา คนยุโรปในประเทศไทย ก็ไม่มีใครไปทำร้าย ดังนั้นการแสดงออกจึงเป็นการแสดงออกอย่างสันติวิธีมาโดยตลอดเพราะนี่คือพื้นฐานคนไทย  เพราะคนไทยเป็นมิตรกับทุกคนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และรักความเป็นธรรม และเชื่อมั่นในเสรีภาพ และสันติภาพ ถ้าทุกคนเข้าใจเรื่องเหล่านี้ก็จะไม่มีปัญหาและจะกลายเป็นพลังร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธี

 

ด้านนายจตุพร ระบุว่า ตนเองเป็นคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์ในทุกมุม ดังนั้นจะเชื่อแค่ตอนใดตอนหนึ่งไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมานาน และประเทศไทยก็มีพี่น้องมุสลิมจำนวนมาก หากคนมุสลิมไม่ต่อสู้การกดขี่จะกลายเป็นเรื่องแปลกในประเทศไทย คนไทยจำนวนมากฟังคำบอกเล่าทางเดียวจากแรงงานที่กลับมาจากอิสราเอล จนละเลยเชื่อชาวยิวง มากกว่าชาวมุสลิมที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า 

 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในฐานะที่เป็นนักต่อสู้เคลื่อนไหวเรื่องการกดขี่ในประเทศมาตลอด ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้การกดขี่ในต่างประเทศ เพราะถือเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น

 

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวว่า ผู้นำชาวมุสลิม ยังพยายามเต็มที่ในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยอยู่ ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงจะเข้าใจเป็นอย่างไร คนไทยไม่ได้เชื่อด้านเดียว ไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่เป็นเพราะเราติดกระดุมเม็ดแรกผิดจากทวิตของนายกรัฐมนตรีหลังจากเกิดเหตุ พร้อมมองว่า การดำเนินการของรัฐบาลในปัจจุบันยังมีความล่าช้าในหลายเรื่อง 

 

นายจตุพร ยังกล่าวยืนยันเหมือนนายนิติธรว่า ถ้าสถานทูตอิสราเอลกล้าเชิญไปพูดก็จะไป โดยมองว่าแนวทางที่จะทำให้เกิดสันติภาพใน 2 ประเทศนี้ได้ คือต้องมองด้วยความเข้าใจ แม้ว่าเราจะเป็นคนนอก ทุกคนต้องการสันติภาพ ไม่ต้องการการเข่นฆ่า และหวังว่าสงครามนี้จะไม่ขยาย เพราะหากมีการขยาย ก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงไทยหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งประชุมเรื่องความพร้อมแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกมิติ หากสงครามไม่เกิดก็เป็นเรื่องที่ดี นี่ไม่ใช่การสร้างความตระหนก แต่ต้องการสร้างความตื่นตัวเพื่อรองรับในทุกสถานการณ์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ