ข่าว

‘เดชอิศม์’ กร้าว นำทีม '20 สส.ปชป.ยุคใหม่’ ลั่น ไม่รับมรดกขัดแย้ง คนยุคเก่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'เดศอิศม์ นำทีม '20 สส.ปชป.ยุคใหม่' แถลงโต้ ยันปมโหวต หนุน ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ ทำเพื่อประชาชน ชี้ไม่ใช่แหกมติพรรค ลั่นมีศักดิ์ศรี-เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ไม่กระเหี้ยนกระหือรือเป็นรัฐบาล ส่วนปมขับออก โว ถือเสียงส่วนใหญ่ "ใครขับใครกันแน่”

ที่รัฐสภา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณี 16 สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เริ่มไม่มีเอกภาพ ตั้งแต่การประชุมใหญ่วิสามัญ 2 รอบ ที่มีเจตนาให้องค์ประชุมล่มทั้ง 2 ครั้ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรค และองค์ประชุมที่ต้องเดินทางมาจากทั้งประเทศ เกิดความเสียหายจากความเสียหายจากพรรคต้องเสียค่าใช้จ่าย 3-4 ล้านบาทต่อครั้ง

นายเดชอิศม์ ขาวทอง  นำทีม 20 สส.พันธุ์ใหม่ ปชป. แถลงโต้ปมโหวตหนุนนายเศรษฐา ทวีสินเป็นนายกฯ

นายเดชอิศม์ ยังกล่าวว่าการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2566 ในที่ประชุมพรรค มีความเห็นออกเป็น 3 เรื่อง

 

1.ไม่เห็นชอบ เราได้ซักถามถึงสาเหตุซึ่งส่วนใหญ่จะบอกว่าความขัดแย้ง ความโกรธในอดีตทำให้มีการโต้แย้งโดยเฉพาะกลุ่มส.ส.ใหม่ ที่โต้แย้งว่า อยากให้แยกหน้าที่ของส.ส.ปัจจุบันกับความแค้นในอดีตออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดการอคติ จนมีผู้ใหญ่บางคนได้วอร์กเอ้าเดินออกจากห้องประชุมไป

 

 

2.เห็นว่าควรเห็นชอบเนื่องจากประเทศเดินมาถึงทางตัน ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเกิดสุญกาศทางการเมืองนานไม่ได้

 

 

3.จำนวนมากมากบอกงดออกเสียง โดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่ครั้งนั้นเรามีเงื่อนไขคือไม่สนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112

 

 

หลังจากนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงลุกขึ้นเสนอว่าอย่าโหวตกันเลยจริงๆ มันเป็นเอกสิทธิ์ สส.ซึ่งวันนั้นไม่ได้มีมติพรรค ก่อนปิดประชุมไป

 

‘เดชอิศม์’ กร้าว นำทีม '20 สส.ปชป.ยุคใหม่’ ลั่น ไม่รับมรดกขัดแย้ง คนยุคเก่า

ปชป.ยุคใหม่ ไม่รับ มรดกความขัดแย้ง คนยุคเก่า

นายเดชอิศม์ ยังกล่าวว่า ในวันที่ 22 ส.ค. 2566 หลังจากที่ได้ฟังการอภิปรายในภาพรวมเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสินเกือบ 100% รับได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการบริหารประเทศ

 

 

เมื่อถึงการลงมติ 3 คนแรก คือนายจุรินทร์ลงมติ “งดออกเสียง” นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ และนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ “ไม่เห็นชอบ”

 

 

3 เสาหลักของพรรคซึ่งลงคะแนนไม่เหมือนกัน เราจึงเห็นว่า เช่นนี้จะเป็นมติพรรคหรือไม่เพราะคำว่ามติพรรคจะข้อยกเว้นไม่ได้

 

 

"เราจึงแยก1.พรรค 2.ประเทศชาติและประชาชนเราควรเลือกข้างไหน เราเอาทั้ง 2 ข้างแต่ถ้าจำเป็นต้องเลือกเราจึงเห็นตรงกันว่าเราควรเลือกประชาชนไว้ก่อน ยิ่งเวลานี้พรรคเพื่อไทยรวบรวมเสียงได้เกิน 250 และเป็นรัฐบาลสมานฉันท์กลุ่มกปปส.เคยขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลุ่มเพื่อเนวินเคยเป็นงูเห่าออกจากพรรคแล้วไปจับมือท่านอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เขายังสมานฉันท์กันได้

 

แล้วพวกเราเป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ทั้งหมดไม่เคยใส่เสื้อเหลืองเสื้อแดงไม่เคยมีความขัดแย้งเราไม่ควรรับมรดกความขัดแย้งจากรุ่นเก่าๆ

 

 

ทุกคนจึงมีความเห็นว่าเพื่อให้ชาติเดินหน้าได้ควรสนับสนุนนายกรัฐมนตรีแต่ตัวพวกเรายังเป็นฝ่ายค้าน ย้ำว่าเป็นการโหวตเพื่อให้เขาเข้ามาทำหน้าที่ นั่นเป็นเหตุผลในการโหวตนายเศรษฐาเป็นนายกฯ"

 

 

ปชป.เป็นฝ่ายค้านเต็มรูปแบบ

เมื่อถามว่าวันนี้ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านนายเดชอิศม์ กล่าวว่าณ วันนี้เราเป็นฝ่ายค้านเต็มรูปแบบ เต็มตัว

 

 

ยืนยันว่าทั้งตัว สส. และศักดิ์ศรีความเป็นประชาธิปัตย์เราไม่กระเสือกกระสน กระเหี้ยนกระหือรือจะอยากไปเป็นรัฐบาล

 

 

หลักการประชาธิปัตย์ยังเหมือนเดิมคือ1.เขาต้องเทียบเชิญ 2.ตัวพวกเราตัดสินใจเองไม่ได้ต้องเป็นมติกรรมการบริหารพรรคลงมติมติว่าอย่างไรทุกคนต้องปฏิบัติตาม

 

 

ส่วนที่มีการเสนอให้พรรคมีการลงโทษกรณีเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี นายเดชอิศม์ กล่าวว่า โทษในการที่ไปพบใครตนเป็น สส.รุ่นใหม่ เราคบทุกพรรคมีเพื่อนทุกพรรคระหว่างหน้าที่กับความรักความผูกพันธ์ หน้าที่กับความแค้นความชิงชังในอดีตเราแยกกันโดยเด็ดขาด พวกเราสนิทกับทุกพรรคถ้าการไปพบกันมีความผิดผมก็คงโดนประหารชีวิตไปนานแล้ว

 

 

“ต้องยอมรับพรรคประชาธิปัตย์ความเป็นเอกภาพไม่มีตั้งแต่องค์ประชุมล่ม 2 ครั้ง วันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้เมื่อไหร่ก็ต้องไปถามกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้องค์ประชุมล่มว่าเขาต้องการอะไร”

 

 

เมื่อถามต่อว่าการที่ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐา เป็นการสร้างความเสียหายให้กับพรรค และยังมีเรื่องการไปพบกับพรรคการเมืองอื่นด้วย ซึ่งพรรคอาจจะมีการตั้งกรรมการสอบ ถึงขั้นขับออกจากพรรค นายเดชอิศม์ กล่าวว่า การขับออกจากพรรคต้อง สส.ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคโดยใช้เสียง 3 ใน 4 ดูไปดูมาก็มาอยู่ตรงนี้หมดแล้ว ไม่รู้ใครจะขับใครกันแน่เสียงส่วนใหญ่อยู่นี่เกือบทั้งหมด

 

 

ยืนยันว่าเราไม่คิดที่จะขับใครออกจากพรรคมีแต่จะมีการพูดคุยเจรจา แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครที่คิดที่จะมาพูดคุยเจรจาไม่ว่าจะเป็นการเลือกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่หรือทิศทางใดๆเรายินดีพูดคุยบนพื้นฐานความเป็นเหตุเป็นผล แต่อย่างที่บอกเราไม่ใช่มรดกความขัดแย้งของใคร

‘เดชอิศม์’ กร้าว นำทีม '20 สส.ปชป.ยุคใหม่’ ลั่น ไม่รับมรดกขัดแย้ง คนยุคเก่า

 

 

“เราพร้อมที่จะออกจากความเป็น สส.ของพรรค พรุ่งนี้ มะรืนนี้ยังได้เลย หากเรามีความรู้สึกว่าเราทรยศประชาชน ฉะนั้นไม่ว่าคนใต้หรือคนทั้งประเทศ เราไม่เคยคิดทรยศ เราซื่อสัตย์ ทำงานให้กับประชาชน เรามาจากการเลือกตั้ง สิ่งที่เราแคร์ที่สุดคือชาติ ประชาชน ”นายเดชอิศม์กล่าว

 

 

นายเดชอิศม์กล่าว พรรคต้องเริ่มต้นจากการประชุมวิสามัยเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ได้ จึงอยากฝากไปถึงฝ่ายที่ทำให้องค์ประชุมล่มว่าจะทำอย่างไรให้องค์ประชุมครบ ส่วนจะแข่งขันก็เป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์ พวกเรายินดีที่จะร่วมด้วย ถึงแม้พวกตนแพ้ไม่ได้เป็นกรรมการบริพรรคเราก็ยินดีให้ความร่วมมือ สมัยที่แล้วปี 2562 ตนไม่ได้เลือกนายกจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรค แต่เมื่อมติที่ประชุมใหญ่เลือกนายจุรินทร์และคณะมาเป็นกรรมการบริหารพรรค พวกตนก็ทำหน้าที่ลูกพรรคที่ดี หลายครั้งที่มีขบวนการจะล้มนายจุรินทร์ แต่พวกตนไม่ยอมปกป้องมาตลอด แสดงให้เห็นว่าพวกตนยินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย

‘เดชอิศม์’ กร้าว นำทีม '20 สส.ปชป.ยุคใหม่’ ลั่น ไม่รับมรดกขัดแย้ง คนยุคเก่า

 

 

เมื่อถามว่าพูดได้หรือไม่ว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์แตกแล้ว นายเดชอิศม์กล่าวว่า ยังไม่ถึงกับแตกหัก อาจจะมีความเห็นยังไม่ตรงกัน ยังมีเวลาและคิดว่าต้องลดทิฐิต้องมารับฟังกัน เพราะทุกคนมาจากประชาชน กว่าจะฝ่าฝันมาได้เป็นเรื่องยากมาก

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ