'โหวตนายกรอบ3' สมชาย ยอมรับ สว. เสียงแตก ปัดไม่เกี่ยว 'พรรคลุง' ร่วมรัฐบาล
สมชาย แสวงการ ยอมรับ ‘โหวตนายกรอบ3’ สว. เสียงแตก ปัดไม่เกี่ยว ‘รทสช.-พปชร.’ ร่วมรัฐบาล ชี้ทุกคนมีเอกสิทธิ์คิดเองได้ ซัด ก้าวไกล ไม่ควรเสนอทบทวนมติเสนอชื่อนายกฯซ้ำไม่ได้ ลั่นเสนอก็จะค้าน
ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) เปิดเผยว่า การประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อ ‘โหวตนายกรอบ3’ ในวันที่ 22 ส.ค.2566 นั้น สว.ได้เวลาอภิปราย 2 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับการโหวตให้ความเห็นชอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ซึ่ง สว.ก็จะใช้เวลานี้ ในการอภิปรายทุกเรื่องของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
“ในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ผมได้ถามพรรคเพื่อไทยว่าสรุปแล้วจะเสนอชื่อใคร แต่พรรคเพื่อไทยยังพูดไม่ชัดเจน บอกว่า จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 สิงหาคม เบื้องต้นตอนนี้ยังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ผมเลยบอกว่า “ผมได้ยินเป็นชื่ออื่น” จึงมองว่าพรรคเพื่อไทยควรทำเรื่องนี้ให้ละเอียดและชัดเจน”
ส่วนความเห็นของ สว.ในการให้ความเห็นชอบ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นั้น นายสมชาย ยอมรับว่าสว.เสียงแตกเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ส่งผลให้ สว. เลิกแตกแถวได้เนื่องจาก สว. ทุกคนมีอิสระอยู่แล้ว ทุกคนจะต้องพิจารณาตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
พร้อมปฏิเสธแนวคิดที่สว.ไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐาเพื่อได้เสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป และกล่าวว่าไม่มีใครคิดไปไกลขนาดนั้น แม้นายเศรษฐาไม่ได้รับความเห็นชอบพรรคเพื่อไทยก็ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่น
และคงไม่ไปถึงขั้นเสนอชื่อเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย จึงยืนยันว่าสว.ทำหน้าที่ของตนเองตามปกติและอยากให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ เข้ามาแสดงวิสัยทัศน์และตอบข้อซักถามของสมาชิก หากไม่มาก็ควรมีการแถลงอย่างเป็นทางการ แต่ถ้ามาก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีของนายเศรษฐาเอง
แต่ในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย วันนี้ประธานสภา ได้แจ้งว่าไม่มีในข้อบังคับ ว่าจะต้องให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภา แต่หากมีสมาชิกซักถามผู้ที่ถูกซักถามก็สามารถ ลุกขึ้นอภิปรายได้ จึงถึงเป็นข้อดีถ้าเจ้าตัว แต่หากไม่มา กมธ.ของสว. ก็สามารถซักถามไปยังผู้ที่ถูกเสนอชื่อได้ทุกคนเช่นเดียวกัน ซึ่งในสภาข้อบังคับอาจจะไม่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเบื้องต้นนายเศรษฐาไม่ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม
สว.ติดใจ ทำไมต้องยกร่างรธน.ทั้งฉบับ
“วันนี้ ต้องเอาให้ชัดเจนเพราะการตั้งรัฐบาล อ้างว่าเป็นการสลายขั้ว สว.ไม่ได้ขัดข้องอะไร ยิ่งตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดในการผลักดันเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สว.บางส่วนสงสัยว่าทำไมต้องล้มรัฐธรรมนูญ ทำไมถึงไม่ใช้วิธีการแก้ไขฉบับเดิมที่มีอยู่ เพราะการยกร่างฉบับใหม่ ต้องมีการทำประชามติถึง 3 ครั้ง ใช้เงินเกือบ 4,000 ล้านบาท และต้องเข้าใจว่า สว.ก็มาตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หากเห็นว่า รัฐธรรมนูญมีปัญหาตรงไหนก็เสนอแก้ไขจะดีกว่า แต่เรื่องนี้จะส่งผลให้ สว.ไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐาหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ส่วนตัวกังวลเรื่องนี้ ”นายสมชายกล่าว
พร้อมกันนี้ นายสมชาย ยังเปิดเผยว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ขอหารือในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อขอให้พิจารณาญัตติ ทบทวนมติเมื่อวันที่19 กรกฎาคม ซึ่งประธานรัฐสภายินดีที่จะเปิดโอกาสให้นายรังสิมันต์ เสนอญัตติดังกล่าวได้ แต่ส่วนตัวหากมีการเสนอจริงก็ขอคัดค้านเพราะมองว่าญัตติดังกล่าวประธานสภาได้ใช้อำนาจในการชี้ขาดไปแล้ว อีกทั้งเมื่อมีมติไปแล้วก็ไม่ควรนำกลับมาทบทวนใหม่ มิฉะนั้นก็จะทำอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ
ส่วนการโหวตนายเศรษฐา ตนไม่ได้บอกว่าจะโหวตหรือไม่โหวตให้ ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบตามปกติ ความประพฤติ พฤติกรรม จริยธรรม เหมือนกับองค์กรอิสระ ถ้าไม่มีปัญหาเราก็โหวตให้ และองค์ประกอบของนโยบายร่วมของทุกพรรค นำพาประเทศไปได้เราก็เห็นด้วย นำพาประเทศไม่ได้เราก็ไม่เห็นด้วย
ส่วนความเหมาะสมของนายเศรษฐานั้น ตนขอไม่วิพากษ์เป็นรายบุคคล เนื่องจากไม่เป็นธรรมกับตัวนายเศรษฐา
เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากวิจารณ์ ว่าหากครั้งนี้ สว.ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สว.จะกลายเป็นอุปสรรค ต่อการเดินหน้าประเทศหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นวาทกรรมที่กล่าวหาอยู่แล้ว สส.ยังเคยจัดตั้งรัฐบาล 377 เสียง สมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พอจัดไม่ได้ก็มาอยู่ที่ สว.ตนคิดว่าไม่มีปัญหาเพราะ สว.ก็ชัดเจนตรงไปตรงมา และไม่ได้กังวลถ้าใครเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีเราก็โหวตให้ทุกคนต้องลุกขึ้นขานชื่อให้ประชาชนรับทราบอยู่แล้ว ไม่มีวัตถุประสงค์จะไปขัดขวางใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอรัฐสภาในวันที่ 22 ส.ค. 2566 ยังเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังฯ หมื่นล้าน