ข่าว

'ชูวิทย์' เปิดเหตุผลสำคัญ แฉเพื่อชาติ ชน 'เศรษฐา ทวีสิน'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปฎิบัติการ แฉเพื่อชาติ ชน เศรษฐา ทวีสิน 'ชูวิทย์' เปิดเหตุผลสำคัญ เปรียบชีวิตเป็นเส้นด้าย และอาจเป็น เส้นสุดท้าย

แฉสุดซอยชนิดหลังชนฝา สำหรับ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” หลังเปิดปฏิบัติการ “แฉเพื่อชาติ” เดินหน้าเปิดโปง “เศรษฐา ทวีสิน” กับข้อกล่าวหา เอื้อนายทุนเลี่ยงภาษีที่ดิน สกัดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชนิดไม่ได้พัก

 

 

 

 

ล่าสุด ชูวิทย์ ได้เผยเหตุผลที่ออกมาแถลง “แฉเพื่อชาติ” เพราะมีเวลาเหลืออยู่บนโลกใบนี้ไม่มากเท่าไร และไม่มีต้นทุนอะไรจะเสีย จึงขอเดินหน้าแฉต่อไป

 

               ชูวิทย์ เดินหน้าแฉเพื่อชาติ

โดยชูวิทย์ ได้เผยผ่านเพจ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ระบุว่า “เมื่อเช้าไปโรงพยาบาลมาแต่เช้า ไปฉีดยา(คีโม) ผมมีเวลาอยู่ไม่เยอะในโลกใบนี้ ชีวิตผมเป็นเส้นด้าย อาจจะเป็นเส้นสุดท้าย ดังนั้น เหตุผลในการแถลงครั้งนี้ ผมขอเรียนให้ทราบว่า มีความพยายาม ที่จะไม่ให้ผมพูดในทุกวิถีทาง มีการนำเสนอ มีการใส่ร้าย แต่ผมไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวแล้ว เพราะเวลาอันสั้นของผมนั้น ผมยินดีให้คุณดูหลักฐานดีกว่า ดังนั้น เสียงใครจะพูดกระแนะกระแหนนินทา พูดไปเลยครับ ผมนั้นไม่มีต้นทุน แต่คนที่มีต้นทุนมากที่สุด คือนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งได้ไปคุกเข่ากับนายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ว่าจะทำให้ทุกอย่าง ถ้าตัวเองได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี”

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน เมื่อกลางดึก “ชูวิทย์” ได้ live ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เดินหน้าแฉเพื่อชาติ เปิดโปงนิติกรรมอำพราง ที่ดินสารสิน ของเศรษฐา ทวีสิน EP 2-EP 10 ที่อ้างว่าเป็นเรื่องของการปั่น จากข้อมูลที่ชูวิทย์กล่าวถึง ยังคงเป็นการย้ำเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าว ที่มีชื่อผู้เป็นเจ้าของทั้งหมด 12 คนในโฉนดเดียวกัน และกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้ ใช้วิธีการโอนแบ่งเป็น 12 วัน จากผู้ขายทั้งหมด 12 คน หรือโอนวันละ 1 คนจนครบ ทำให้เสียภาษีให้กับกรมที่ดินเพียง 59 ล้านบาทเท่านั้น

 

              ชูวิทย์เดินหน้าแฉเพื่อชาติ

ทั้งนี้ หากผู้ขายทั้ง 12 คน โอนที่ดินให้กับผู้ซื้อในวันเดียวกัน จะทำให้เข้าเงื่อนไข เป็นคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งจะต้องจ่ายภาษีให้กรมที่ดิน 59 ล้านบาท และกรมสรรพากรในอัตราก้าวหน้า 35% อีก 521 ล้านบาท รวมภาษีทั้งหมดที่ต้องจ่าย 580 ล้านบาท

 

 

 

 

นอกจากนี้ ในโฉนดแปลงเดียวกัน มีผู้ถือโฉนด 2 คน แต่กลับขายกันคนละราคา นี่จึงเป็นปริศนา ที่แกะรอย ที่เรียกว่า เงินบวม ซึ่งในความเป็นจริง ที่ดินแปลงนี้ไม่ได้ขายในราคาที่กล่าวอ้าง

 

 

 

ชูวิทย์ ระบุว่า เมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เสนอตัวเองรับใช้ประชาชน โดยถูกเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ การกระทำที่ซ่อนเร้น อำพราง ช่วยเหลือให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีถึง 521 ล้านบาท โดยร่วมรับรู้ เป็นส่วนหนึ่งของผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย 

 

 

 

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า มีนิติกรรมอำพรางหลายประการ ข้อพิรุธต่างๆ ล้วนเป็นการสมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิด ด้วยพฤติการณ์ดังกล่าว จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ