ข่าว

'ชูวิทย์' สอนมวย 'พิธา' ถอย ม.112 ก่อนวืด นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' แนะ 'พิธา' ลุ้น ผลโหวตนายกฯ รอบสอบ ต้องถอย ม.112 ก่อนวืด 'นายกรัฐมนตรีคนที่ 30' อดทำงานใหญ่

“ผลโหวตนายกฯ” รอบแรก เป็นที่แน่นอนว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล ไม่ได้นั่งเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30” โดยได้รับความเห็นชอบไม่ถึง 376 เสียง เตรียมโหวตรอบใหม่ 19 ก.ค.นี้

 

 

 

 

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความ หลังผลการการโหวตเลือกนายกฯ เสร็จสิ้น ระบุว่า ผลโหวตนายกฯ ได้เห็นแล้วว่า ไม่ผิดจากที่เขาเคยพูดไว้ แผนสกัดพิธา “มีก้าวไกล ไม่มี สว.” ไม่มีอะไรแปลกใจ แม้ว่าพิธายังยืนยันหลังผลการโหวตแพ้ว่าการต่อสู้ยังไม่จบ “ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้”

 

ชูวิทย์ ระบุว่า โหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 หากมีโอกาส ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม ก้าวไกลจึงต้องถึงทางเลือกว่า “ยอมถอย เรื่อง ม.112 ดีกว่า” เพราะเป็นการสร้างความแตกแยก และเป็นเงื่อนไขให้พิธาไม่ได้เป็นนายกฯ การขึ้นเป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นที่ต้องยึดเรื่องปฏิรูปสถาบันเป็นหลัก มีเรื่องสารพันให้ทำอีกมากมาย

 

 

 

“ผมมั่นใจว่าใน 14 ล้านเสียง ไม่ได้ต้องการเรื่องปฏิรูปสถาบันมาเป็นเรื่องแรกๆ เสียด้วยซ้ำ ก้าวไกลได้คะแนนเสียงจาก “มีลุง ไม่มีเรา”ปฏิรูปกองทัพ ยุบ กอ.รมน. กฎอัยการศึก ล้มเผด็จการ รวมถึงกฎหมายต่างๆ ที่ทำให้ประเทศไทยติดหล่มมาถึง 9 ปี นี่ต่างหากที่ก้าวไกลต้องปฏิรูป" ชูวิทย์ ระบุ

 

 

 

ชูวิทย์ แนะนำว่า วันนี้ยังมีโอกาสที่ก้าวไกลจะถอย หากไม่ดื้อ และยึดติดกับคะแนนเสียงมวลชนบางส่วน ทุกอย่างมีขึ้นและมีลง คะแนนเสียงไม่ได้อยู่กับก้าวไกลตลอดไป มันไม่ใช่ “การถ่มน้ำลายรดฟ้า” แต่เป็นการถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล ทำงานเพื่อประชาชนไม่ใช่แค่ 14 ล้านเสียง แต่ต้องทำให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเลือกก้าวไกลหรือไม่ต่างหาก

 

บทพิสูจน์ของก้าวไกลก่อนจะสายเกินไป เรียนรู้การลำดับว่า อะไรที่สำคัญกับชาติบ้านเมืองก่อน ไม่มีใครทำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อยังไม่ถึงเวลาต้องทำ ม.112 ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ก้าวไกลสัญญาไว้กับประชาชน ประเทศไทยยังมีอีกสารพัดเรื่องให้ทำหากเป็นรัฐบาล  

 

 

 

ม.112 เรื่องเดียวจะทำให้พิธาไม่ได้ทำเรื่องใหญ่เรื่องอื่นเลย พิธาย้ำเสมอว่า “เป็นผู้นำต้องมีสติ ไม่มุทะลุ รู้จักว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรถอย” การดึงดันแก้ไข ม.112 แม้รู้ว่าปลายทางไม่มีทางผ่าน นอกจากตอบสนองความต้องการของมวลชนกลุ่มหนึ่ง แล้วจะดันทุรังทำไปทำไม ทั้งที่สามารถบอกประชาชนได้ว่า “ก้าวไกลเป็นรัฐบาลผสม ไม่ใช่รัฐบาลพรรคเดียว ไม่มีพรรคร่วมใดเห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 เลยแม้แต่พรรคเดียว”

 

 

ชูวิทย์ ทิ้งท้ายว่า ข้อแนะนำที่อยากบอกจากประสบการณ์การเมือง คือ ยอมถอยดีกว่า หาทางประนีประนอม เพื่อให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง หรือฐานมวลชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากต้องการเอา ม.112 มาเป็นเรื่องหลัก ขอให้ครั้งหน้าประชาชนเลือกพรรคก้าวไกลเกินครึ่งไปเลย หากก้าวไกลแสดงให้เห็นว่า ยอมถอย ม.112 แล้ว อำนาจเก่ายังไม่ถอย ก็ถึงคราวต้องรุกกลับ

 

 

“ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยยุบพรรคการเมือง คือการประนีประนอม เวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรถอย นักการเมืองที่ดีต้องรู้จักเรียนรู้ ไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้นำประเทศ”

 

ชูวิทย์โพสต์แนะนำพิธา ถอยดีกว่า

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ