ข่าว

'พิธา' แจงหลังถูดพาดพิงซัดกลับ ชาดา เป็นผมผมไม่พูดเรื่องยิงคนเห็นตายในสภา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คำต่อคำ 'พิธา' แจงหลังถูก สส. สว. พาดพิง ซัดกลับ ชาดา ไทยเศรษฐ์ 'เป็นผมผมไม่พูดเรื่องยิงคนตายในสภา' พร้อมบอกเยาวชนนสมัยนี้รับข่าวสารมาโฆษณาชวนเชื่อทำอะไรไม่ได้ ไม่อย่างนั้นค่านิยม 12 ประการคงใช้ได้ผลไปแล้ว

เป็นการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ดุเดือดตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส. ) จากแต่ละพรรคมีการอภิปราย ก่อนที่จะเริ่มโหวนนากยกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยนายชาดา ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้อภิปราย คนแรก  

 

 

โดยหลักๆ ประเด็นที่อภิปราย "พิธา" ครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายม.112  เป็นหลัก สส. และ สว. หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวค่อนข้างมาก อย่างรไรก็ตามในระหว่างที่มีการอภิปรายนั้น ประธานสภาได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกพาดพิงได้ชี้แจง

 

 

ใช้สิทธิ์พาดพิงในรอบแรก เกี่ยวกับกรณีที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ได้อภิปรายถึงการแก้ไขกฎหมาย 112 รวมไปถึงการแก้ไขกฎหมายให้สามารถยิงคนที่ว่าร้ายเบื้องสูงได้ รวมไปถึงการลงนามในสนธิสัญญาศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court : ICC)

โดยนาย "พิธา" ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ระบุว่า ขอบคุณสมาชิกรัฐสภาทั้ง 2 ท่านทั้ง ท่านชาดา ไทยเศรษฐ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย และท่านประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา ที่ได้มีการอภิปรายและสอบถามหลายๆ เรื่องถึงคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ต้องเริ่มต้นที่ท่านชาดา ติติงบุคลิกภาพของผม ติติงภาวะการเป็นผู้นำของผม ซึ่งกำลังพัฒนาอยู่เช่นกัน กำลังพัฒนาและฝึกที่จะเป็นคนฟังมากกว่าพูดฟังท่านชาดาเสร็จ ก็พยายามที่จะฟังท่านประพันธุ์ต่อ ในขณะเดียวกันผมก็พยายามพัฒนาบุคลิกภาพของผมให้เป็นคนรักษาคำพูด เหมือนกับสโลแกนของพรรคภูมิใจไทยเป๊ะเลยครับว่า "พูดแล้วทำ"  เพราะฉะนั้นสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่น้องประชาชนยังไงก็คงต้องทำตามอย่างนั้น  ผมยังพยายามพัฒนาความเป็นผู้นำของผมครับว่าถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่ท่านชาดาพูดมา แต่ผมเห็นว่าท่านมีเสรีภาพในการที่จะพูด  

 

และนี่คือหน้าที่ของ รัฐสภา ที่ท่านชาดาก็มีหน้าที่อีกแบบหนึ่ง ความคิดอีกแบบ ผมก็มีความคิดอีกแบบหนึ่ง ประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่เราต้องใช้ รัฐสภา ในการแก้กฎหมายนิติบัญญัติ และเป็นข้อขัดแย้งตลอดมาของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็นตั้งแต่ที่แล้ว เรื่องที่ท่านชาดาได้พูดถึงการลดโทษก็ดี มีการคุ้มครองก็ดี ซึ่งเวทีนี้เป็นเวทีเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เวทีในการแก้ไขกฎหมายใดๆ  เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าเป็นบรรยากาศที่ดี  และสุดท้ายผู้นำที่ดีของประเทศนี้ต้องมีความอดทนอดกลั้น รับฟังกับข้อกล่าวหาที่จะจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่ นี่คือ 4 คุณลักษณะสำคัญที่ผู้นำของประเทศไทยควรจะมี 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

เรื่องที่เห็นด้วยกับคุณชาดา คือ ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง 8 พรรค เพราะ MOU ของ 8 พรรค คือ ความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรคในการเข้าสู่อำนาจ เข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลในการบริหารประเทศ ในการที่จะแก้ไจกฎหมายอยู่ที่นิติบัญญัติ และอยู่ในรัฐสภา ผมยื่นแก้ไขกฎหมายก็ไม่ได้มีใครผูกขาดชุดความคิดใดชุดความคิดหนึ่งก็ได้ คนที่อายุมากกว่าผมก็อาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง คนที่อายุเท่ากับผมก็อาจจะมีความคิดอีกแบบหนึ่ง ผมก็อาจจะมีวามคิดอีกแบบหนึ่ง นี่คือหน้าที่ของรัฐสภา ในการแก้ไขข้อขัดแย้งแทนประชาชน ผู้แทนราษฎรก็คือผู้แทนประชาชน มีความคิดแตกต่างและถ้าเราพูดกันอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่มีคำหยาบคาย ให้เหตุใช้ผลนี่คือทางออกของประเทศ นี่คือสิ่งที่ผมเห็นด้วยกับคุณชาดา 

 

 

แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณชาดา คือ และอาจจะเป็นข้อที่ยังคาแครงใจอยู่คือเรื่อง ICC ตามหลักของ ICC คือ มีหน้าที่ในการสืบสวนอาชญากรรมทางสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ข้อที่ กังวลคือข้อที่ 27 แต่ประเทศทั่วโลกที่มีระบบการปกครองแบบประเทศไทย คือการมีพระมหากษัตย์ทรงเป็นพระประมุข มี 123 ญี่ปุ่น อังกฤษ กัมพูชา สวีเดน เดนมาร์ก มีการเซ็นสัญญากันหมด ถ้าเราเข้าใจว่าพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง และท่านทรงอำนาจผ่าน ครม. อยู่แล้วไม่ได้เป็นประเด็นที่ท่านกล่าวหา และกังวล เพราะฉะนั้นผมจึงไม่เห็นด้วย 

 

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการเข้า ICC คือการมีคนมาพูดบอกว่าใครหมิ่นสถาบันพระมหากษัตย์เอาปืนไปยิงมันเลย  ผมไม่แน่ใจว่าคนที่สูญเสียไปโดยที่ยังไม่่รู้ว่าใครเป็นคนยิงเมื่อหลายปีก่อน 99 ศพที่ราชประสงค์ เป็นต้น  และย้อนหลังไปถึง 6 ตุลาคม และ 14 ตุลาคม ที่ยังไม่รู้วัฒนธรรมรับผิดรับชอบ กับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจะรู้สึกยังไงเมื่อมีคนอภิปรายเรื่องนี้ในสภาแห่งนี้ อันนี้คือสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วย และขอใส้สิทธิพาดพิงในการชี้แจง 

 

 

ในส่วนของท่านประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา ผมขอใช้สิทธิ์แทนสมาชิกรัฐสภาที่มีสิทธิโหวตนายกรัฐมนตรีจำนวน 700 กว่าคนผมยังมีคุณสมบัติครบทุกประการ  และด้วยความชอบธรรม แม้ว่าจะเป็นกระบวนการที่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร เห็นแต่มติผ่านสื่อมวลชน ผมยังไม่รู้เลยว่าสงสัยในประเด็นไหน แล้วสมมติฐษนที่ไว้ว่าบริสุทธิไว้ก่อน เข้าใจว่าเพื่อนที่เป็นทนายเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะฉะนั้นมันจะมีศาลเตี้ยในสภาแห่งนี้ไม่ได้ ผมยังไม่มีโอกาสในการชี้แจ้งแม้แต่ครั้งเดียว  และครั้งที่แล้วเมื่อปี 2562 มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็ไม่ได้กระทบการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่หรือครับ เพราะเท่าที่ผมจำได้ท่านเคยบอกว่ารัฐบาลที่มีเสียงข้างมากที่รวมเสียงได้มาก ที่รวมเสียงได้มากที่สุด 249 เสียงไม่มีแตกแถว ก็เคยเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่หรอครับ ไม่ต้องกังวล ม 6. ขึ้น มหาวิทยาลัย ผมรัดกุมมาตลอดทุกครั้งตั้งแต่ สส. ครั้งแรก และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ก็ยังดีกว่าบางคนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบทั้งของ กกต และ ปปช. 

 

 

ใช้สิทธิพาดพิงรอบที่ 2 เป็นการภูกอภิปรายในเรื่องการแก้ปัญหายากเสพติด การแบ่งแยกดินแดน และการนำพาประเทศไทยไปสู่เวทีโลก  

โดยนาย "พิธา" ระบุว่า  ขอแสดงความเห็นด้วยกับประธานสภา (ศ.พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานสภา)  ว่าวาระการประชุมวันนี้คือการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายใดๆ หลายเรื่องที่เป็นข้อคางแครงใจ สงสัยเกี่ยวกับตัวกระผมโดยเฉพาะ ผมไม่ขอขอลงรายะเอียดเพิ่มเติม แต่ตามข้อสันนิษฐานถ้า กม.ใดๆ เข้าสู่สภาเราทุกคนทั้ง 700 กว่าเสียง รวมตัวผมด้วยสามารถพูดคุยเรื่องนี้ได้อย่างมีวุฒิภาวะ สามารถพูดคุบเรื่องนี้ได้อย่างมีวุฒิภาวะ  มีข้อบังคับ และมีความโปร่งใส เพราะมีสื่อมวลชนถ่ายทอดสดอยู่ อันนี้เป็นเรื่องที่ตรงกับสมมติฐานที่เคยคิดไว้แต่ยังไม่ได้มีการชี้แจง  แต่ยังมีสิ่งที่พาดพิงและสร้างความเสียหายให้แก่พรรคก้าวไกล จะมอบให้คนที่เกี่ยวข้องคนที่เสนอกฎหมายเกี่ยวข้องต่อไป การต่างประเทศ แบ่งแยกดินแดง แก้ปัญหายาเสพติด  

 

 

ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ สิ่งที่ต้องรีบเลือกนายกฯ มีการประชุมสหประชาชน ต้องการเป็นผู้นำตัวแทนต่างประชาชน ที่จะไปบอกว่าประเทศไทย ว่าพร้อมแล้ว แต่น่าเสียใจที่มีการพูดเรื่องการยิงคนตายของทหาร 2 ประเทศไทย การอภิปายควรจะระวังเรื่องการพาดพิงไปถึง 2 ประเทศ ประเทศแรกเป็นประเทศที่มีขอบเขตติดต่อกับประเทศไทยยาวกว่า 2,700 กิโลเมตร  ประเทศที่ 2 เป็นประเทศที่มีความสัมพันธุ์แบบยาวนานกับประเทศไทย อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นผมคงระมัดระวังมากกว่านี้ มีแรงงงานใประเทศไทย 2 ล้าานกว่าคน ทั้งในร้านอาหาร ภาคการประมง เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะหาจุดสมดุลและเข้าใจบริบทโลก เข้าใจภูมิรัฐศาสตร์โลก กระทบราคาปุ๋ยที่อยู่ในไร่นาของเกษตรกรในจ.สกลนคร และ จ.สุพรรณบุรี  หากมีปัญหาเกิดขึ้น สงครามประทุมากขึ้น ราคาพืชผลทาการเกษตร ราคาสินค้าอาหารสัตว์อย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง จะเป็นอย่างไร เราจะต้องมีสมดุล เราจะต้องมีบาลานซ์ และเราจะต้องรู้  รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราจะต้องเน้น รู้ว่าเราจะเงียบเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าเงียบในทุกเรื่องและทำให้เราไม่มีน้ำหนักในเวทีการเมืองเลย ขอมั่นใจว่าการแถลงนโยบายต่อการประชุมสหประชาชาติผมจะบอกว่า Thailand is Back Thailand means business ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ของคนในชาตินี้ และผลประโยชน์ของประเทศชาติ 

 

 

ประเด็นแบ่งแยกดินแดน  ที่ผ่านมา 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีปัญหาความเหลื่อมล้ำความยากจน มาตลอด เรื่องชายแดนที่มีการอภิปราย รัฐไทยภายใต้การนำของพิธา ประเทศจะเป็นรัฐเดี่ยวผมจะทำทุกวิธีทางทางการทูตเป็นรัฐไทยที่ก้าวหน้าลดความเหลื่อมล้ำเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร ลดความมั่นคั่งทางทหาร ลดความเหลือมบ้ำด้านระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่มีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างมาก ผมจะใช้สภาแห่งนี้พูดคุย เพื่อปกป้องการแบ่งแยกดินแดนให้ได้มากที่สุด  การทำงานในรัฐสภาเพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจ 

 

 

ประเด็นยาเสพติด-น้ำมันเถื่อน พรรคก้าวไกลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีการปฏิรูปตำรวจ เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำความเข้าใจกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องของพรรคร่วม 8 พรรคใส่ใจอย่างแน่นอน 

 

 

อย่างไรก็ตามในช่วงอภิปรายรอบแรกนาย "พิธา" ได้มีการกล่าวถึง "ศาลเตี้ย" ส่งผลให้เกิดการประท้วงของสมาชิกรัฐสภาส่งผลให้นายพิธาถอนคำพูด โดยระบุว่า 'ขอถอนคำพูดที่พูดว่าศาลเตี้ย ผมเป็นผู้นำที่รุกได้ถอยเป็น'  นอกจากนี้นาย "พิธา" ยังได้ใช้สิทธิในการพาดพิงครั้งที่ 3 ซึ่งมีผู้อภิปรายว่า ระหว่างที่นาย "พิธา" ลงพื้นที่หาเสียง มีประชาชนมากราบเท้า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมผมพยายามที่จะกราบเท้าคืนผมคิดว่าเป็นคนเท่ากันไม่มีความจำเป็นที่จะทำแบบนี้  แต่ได้รับคำอธิบายว่าเป็นการบนบานศาลกล่าวให้ผมได้เป็นนายกฯ ผมได้อธิบายว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ใครมาทำแบบนี้ ก็เห็นด้วยว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องให้ใครมากราบเท้าใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสมาชิกรัฐสภา

 

 

ยุยงสนับสนุนเด็ก เป็นประเด็นที่มีความเห็นต่างกัน ประสบการณ์ที่ต่างกัน วุฒิภาวะต่างกัน เยาวชนสมัยนี้ยุยงไม่ได้เพราะสามารถเข้าถึง้ข้อมูลได้ หากสามารถยุยงด้วยชุดข้อมูลการโฆษราชวนเชื่อ ผมเชื่อว่าค่านิยม 12 ประการก็คงทำได้แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ