ข่าว

'ศปปส.' ยื่นสอบจริยธรรม สว.โหวต 'พิธา' ชี้อาจเอี่ยวล้มล้างการปกครอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ศปปส.' ยื่นหนังสือสอบจริยธรรม สว.โหวต 'พิธา' เป็นนายกฯ ชี้ขัดคำวินิจฉัยศาล รธน. เกี่ยวกับ การล้มล้างการปกครอง

กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. เข้ายื่นหนังสือถึง สำนักเลขาธิการสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ขอให้ตรวจสอบจริยธรรม สว. ที่โหวตนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี

 

ให้เหตุผลเป็นการสมรู้ร่วมคิดกระทำการขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันทุกองค์กรในเรื่อง การล้มล้างการปกครอง 

ทางกลุ่ม ศปปส. ระบุ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ปรปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิ ยกเลิกกฏหมายอาญามาตรา112 นำออกจากหมวดความมั่นคง เปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะหมวด 1 และหมวด 2 เป็นต้น ซึ่งเป็นการลดทอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์หรือล้มล้างการปกครอง 

 

ดังนั้นการที่ สว. ท่านใดโหวตให้นายพิธา เท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนและหรือสมรู้ร่วมคิดกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์หรือไม่ และเหมาะสมหรือไม่ที่จะครองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว           

 

ทาง ศปปส. จึงอยากเห็นความสง่างามของ สว. ซึ่งถือว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในสภาสูงของรัฐสภาอันทรงเกียรติของไทย คงรักษาเกียรตินั้นด้วยชีวิต ดั่งคำ ปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ด้วยถ้อยคำที่ว่า "ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทยทุกประการ"

ศปปส.

สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยชี้ชุมนุม 10 สิงหาคม 2563 เป็นการล้มล้างการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีผลผูกพันทุกองค์กรในเรื่องการล้ม ล้างการปกครอง

 

การเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วย "พระราชฐานะ" ของพระมหาลกษัตริย์ ที่ทรง อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและอยู่เหนือความรับผิดชอบทางการเมือง ตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่า พระมหากษัตริย์ทรงกระทำผิดมิได้ และให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ห้ามเข้าไปล่วงละเมิด หมิ่นประมาท หมิ่น พระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์ จะส่งผลกระทบต่อ "สถานะ" ของสถาบันฯ และนำไปสู่การบ่อน ทำลายการปกครองในที่สุด การแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ อันนำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นการ ใช้สิทธิเสรีภาพที่เกินความพอเหมาะเกินควร โดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ