ข่าว

'พิธา' แขวะอย่ามีศาลเตี้ยในสภา - สับใครบางคนไม่ยอมอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขออภิปรายหลังถูกพาดพิง เปิดประเด็นเคลียร์ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ย้อนศรมีหลักคิดไม่ต่างไปจากภูมิใจไทย "พูดแล้วทำ" สัญญาอะไรไว้ต้องรักษาคำพูด ฝากไปถึงสมาชิกรัฐสภา 750 คน  แม้ว่าจะมีกระบวนการทางคดีเกิดขึ้น แต่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ระบุไม่ควรมีศาลเตี้ยในสภา

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล   กล่าวในสภา   ขอใช้สิทธิ์พาดพิง   จากการถูกอภิปรายในเรื่องคุณสมบัติ  ในฐานะผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ที่มีการติติงบุคลิกและวุฒิภาวะของ  ซึ่งขอชี้แจงว่า  พยายามที่จะปรับปรุงและฟังมากกว่าพูด และพัฒนาภาวะผู้นำของตน รวมถึงรักษาคำพูดเหมือนสโลแกนที่ว่า พูดแล้วทำเหมือนพรรคการเมืองที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย สังกัดอยู่

 


 ดังนั้นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชนอย่างไรก็ต้องทำตามอย่างนั้น และตนพยายามพัฒนาคุณลักษณะความเป็นผู้นำของตน ถึงแม้ตนไม่เห็นด้วยในสิ่งที่นายชาดา พูด แต่ก็ถือว่ามีเสรีภาพในการพูด และนี่คือหน้าที่ของสภา ซึ่งนายชาดาก็มีความคิดและประสบการณ์แบบหนึ่ง ขณะที่ตนก็มีความคิดและชุดประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ใช้รัฐสภาในการแก้กฎหมายและข้อขัดแย้งตลอดตลอดมาของประเทศไทย

นายพิธา กล่าวว่า เวทีนี้เป็นเวทีเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เวทีแก้ไขกฎหมายใด ๆ  จึงคิดว่าตรงนี้เป็นบรรยากาศที่ดี แต่สุดท้ายผู้นำประเทศต้องมีความอดทนอดกลั้น รับฟังข้อกล่าวหาที่จริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่ นี่คือสิ่งที่ตนสัญญาผ่านประธานไปยัง เพื่อนสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญที่ผู้นำของประเทศไทยควรจะมี

 

 

การแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้อยู่ในเอ็มโออยู่ที่ทำร่วมกันใน 8 พรรค เพราะเอ็มโอยูคือความเข้าใจในการจัดตั้งรัฐบาล ในการเข้าสู่อำนาจ ในการบริหารประเทศ แต่การแก้ไขกฎหมายอยู่ที่สภา และเมื่อยื่นเสนอแก้กฎหมาย ก็ไม่มีใครผูกขาดชุดความคิดใดชุดความคิดหนึ่ง คนที่อายุมากกว่าตนก็คิดแบบหนึ่ง คนรุ่นเดียวกับตนก็คิดแบบหนึ่ง คนที่อายุน้อยกว่าตนก็คิดอีกแบบหนึ่ง นี่คือหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรในการแก้ไขข้อขัดแย้ง และถ้าพูดกันอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่มีคำหยาบคาย ใช้เหตุใช้ผลกัน นี่คือทางออกของประเทศ

 

 


ยืนยันผ่านไปยังสมาชิกรัฐสภา 750 คน ที่มีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี ว่าตนยังมีคุณสมบัติสมบูรณ์แบบทุกประการ และด้วยความชอบธรรม  แม้ว่าจะมีกระบวนการทางคดีเกิดขึ้น แต่ตนยังไม่รู้ด้วยว่าข้อกล่าวหาคืออะไร เห็นแต่มติผ่านสื่อมวลชน และยังไม่ทราบว่าสงสัยในประเด็นใด ดังนั้นขอให้ยึดหลักการสมมุติฐานไว้ว่า "บริสุทธิ์ไว้ก่อน" เพราะตนยังไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว และเข้าใจว่า บุคคลที่อยู่ในแวดวงกฎหมายและทนาย น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี จะมีศาลเตี้ยในรัฐสภานี้ไม่ได้ 

เมื่อปี 2562 ก็มีลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น ก็ไม่กระทบกับการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่หรือ "เพราะถ้าจำไม่ผิดท่านบอกว่าท่านบอกว่ารัฐบาลที่รวมเสียงข้างมาก ที่รวมเสียงได้มากที่สุด ก็จะออกมา 249 เสียงตามนั้น ไม่มีแตกแถว จึงไม่ต้องกังวล เพราะผมมีความรัดกุมในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และสอบถาม ตลอดเรื่องคุณสมบัติกับ กกต. ป.ป.ช. ทุกครั้งตั้งแต่เป็นส.ส.ครั้งแรก ครั้งนี้ และครั้งต่อไป เพราะผมยอมรับในการตรวจสอบ ก็ยังดีกว่าบางคนที่ไม่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบไม่ว่าจะ ป.ป.ช. หรือ กกต. "  นายพิธา ระบุ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ