พลิกประวัติ 'ชาดา ไทยเศรษฐ์' เจ้าพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง
พลิกประวัติ 'ชาดา ไทยเศรษฐ์' เจ้าพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง อุทัยธานี ผู้สร้างความเดือดในสภาฯ ที่บู๊ล้างผลาญ ไม่ต่างกับนิยาย
“ผมก็เลือกตั้งมาเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตย ฝั่งไหน ฝั่งโจรเหรอ เป็นโจรก็ยอมครับ เป็นโจรที่รักชาติ เป็นโจรที่รักสถาบัน เป็นโจรที่ปกป้องบ้านเมืองนี้ และปกป้องสถาบันด้วยหัวใจ ด้วยเลือดเนื้อของผม” เป็นประโยคที่ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” อภิปรายอย่างดุเดือด ในวัน “โหวตนายกฯ”
ชื่อของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในฐานะ นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ประวัติที่โชกโชน รวมทั้งทุกลีลา ในการขึ้นอภิปรายในสภาอันทรงเกียรติ ก็เป็นไปอย่างดุเดือด เผ็ดร้อน คมชัดลึก ไล่เรียง เส้นทางชีวิตของผู้ชายที่ได้ชื่อว่า เป็น “เจ้าพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง”
เส้นทางชีวิต “ชาดา ไทยเศรษฐ” เจ้าพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง
ชาดา ไทยเศรษฐ์ เกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2504 ปัจจุบันอายุ 62 ปี จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี, ระดับปริญญาตรี และปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีพี่น้อง 2 คน คือ ชัยยศ ไทยเศรษฐ์ และ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ชาดามีบุตรชายและบุตรสาวทั้งหมด 7 คน เป็นบุตรในสมรส 4 คน และเป็นบุตรนอกสมรสที่รับรองแล้วอีก 3 คน
ชาดา เป็นคน จ.อุทัยธานี โดยกำเนิด ซึ่งตระกูล “ไทยเศรษฐ์” สืบเชื้อสายมาจากแขกปาทาน ที่อพยพมาจากตอนเหนือของปากีสถาน โดยส่วนใหญ่แขกปาทานในไทย จะยึดอาชีพค้าเนื้อ ปู่ของชาดา ก็ถือเป็นพ่อค้าเนื้อรายใหญ่ใน จ.อุทัยธานี
เดชา ไทยเศรษฐ์ พ่อของชาดา ทำกิจการรับบรรทุกไม้ซุง ก่อนจะหันมาค้าวัวควายส่งออกต่างประเทศ และขายเนื้อในตลาดอุทัยฯ เพราะอาชีพค้าเนื้อนี่เอง ทำให้ชีวิตของชาดา ต้องกลายเป็นลูกกำพร้า เนื่องจากการแย่งชิงผลประโยชน์ก้อนโตของธุรกิจค้าเนื้อ ในปี 2511 พ่อถูกยิงเสียชีวิต จนกลายเป็นการล้างแค้นกันไปมา เพื่อชิงตลาดค้าเนื้อ และค้าวัวค้าควาย
ปี 2518 ขณะที่ชาดาอายุ 15 ปี แม่ก็ถูกยิงเสียชีวิต ทำให้สงครามเลือดล้างตระกูลในลุ่มน้ำสะแกกรัง ดุเดือดเลือดพล่าน และ 7-8 เดือนต่อมา พี่ชายที่มารับช่วงกิจการ ก็ต้องสังเวยคมกระสุน จบชีวิตลงให้กับธุรกิจค้าเนื้อไปอีกคน
หลังจากนั้น เขาจึงต้องสานต่อธุรกิจค้าเนื้อ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า สายธุรกิจค้าเนื้อ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องฝ่าห่ากระสุนไปให้รอด ชาดา และเพื่อนๆ เปิดศึกรบกับ “ผู้มีอิทธิพล” ที่ได้รับการสนับสนุนจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในอุทัยธานี เขาเดินหน้าชนแบบไม่สนใจใคร จนสุดท้ายเขาคือ ผู้ชนะ นับตั้งแต่นั้นมา ชื่อของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” จึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองอุทัยธานี และขยับขยาย ลงทุนทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง, เหมืองหิน, ธุรกิจโรงแรม รวมถึงเป็นนายหน้าค้าที่ดิน
เริ่มลงสนามการเมือง
ปี 2533 ชาดา ไทยเศรษฐ์ ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่น ในฐานะสมาชิกสภาเทศบาลเมืองอุทัยธานี หลังจาก “วุฒิไกร เหลืองบริบูรณ์” นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานีขณะนั้น ถูกลอบยิงเสียชีวิต
ต่อมา จับมือกับกลุ่มการเมืองตระกูล “เหลืองบริบูรณ์” ตั้ง “กลุ่มคุณธรรม” ลงเลือกตั้ง และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลฯ กลุ่มคุณธรรมเดินเข้าสภาเทศบาลอุทัยธานี ได้ทั้งหมด 18 คน ชาดาได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรี เขาได้เป็นนายกเทศมนตรี ติดต่อกันหลายสมัย ก่อนจะส่งต่อให้น้องสาว- มนัญญา ไทยเศรษฐ์
การเลือกตั้งปี 2550 ชาดา เบนเข็มจากท้องถิ่นสู่สนามการเมืองใหญ่ ได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ในสังกัดพรรคชาติไทย หรือพรรคชาติไทยพัฒนาในปัจจุบัน
ปี 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็น สส.อีกสมัย และปีถัดมา เขาเปิดตัว “ฟารุต ไทยเศรษฐ์” ลูกชาย ให้เป็นทายาททางการเมือง และเตรียมลงสมัคร สส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่เดือน ส.ค.ปีเดียวกัน “ฟารุต” ถูกยิงเสียชีวิตบนรถของชาดา นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของผู้กว้างขวางเมืองอุทัย
หลังรัฐประหารปี 2557 ชาดา ตกเป็นเป้าของ คสช. ในฐานะ “ผู้มีอิทธิพล” ในพื้นที่ จ.อุทัยธานี โดยในรอบ 3 ปี เขาถูกตำรวจบุกค้นบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง
- ครั้งแรก วันที่ 23 ก.ค. 2558 ตำรวจกองปราบเปิดยุทธการสะแกกรัง ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างใน จ.อุทัยธานี 11 จุด และในนั้น มีบ้านของชาดารวมอยู่ด้วย
- ครั้งที่สอง วันที่ 12 เม.ย. 2559 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายผู้มีอิทธิพลละเมิดกฎหมาย รวมถึงบ้านพักของชาดา
- ครั้งที่สาม วันที่ 23 มี.ค. 2560 พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส ตรวจค้นผู้มีอิทธิพลใน จ.อุทัยธานี 30 จุด รวมบ้านชาดาอีกครั้ง
ปี 2546 ชาดา เคยถูกจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่าสมเกียรติ จันทร์หิรัญ เลขานุการของประแสง มงคลศิริ สส.พรรคไทยรักไทย แต่สุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้อง
อีกเหตุการณ์ที่เป็นที่จดจำ และตอกย้ำภาพความเป็นนักเลงของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” หนีไม่พ้น เมื่อครั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 เมื่อชาดา ลุกขึ้นไปตบหน้า นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ลุกขึ้นประท้วง หลังเขาอภิปรายเสร็จสิ้น ท่ามกลางความตกตะลึงของ สส.ที่อยู่ในเหุตการณ์
ปัจจุบันนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ดำรงตำแหน่ง
- สส. อุทัยธานี สังกัดพรรคภูมิใจไทย เป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
- ประธานคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24
ฉากชีวิตของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่โลดโผน ไม่ต่างจากนิยายบู๊ล้างผลาญ ซึ่งเขาเคยยอมรับว่า เขาเป็นผู้มีอิทธิพล แต่เป็นผู้มีอิทธิพล ที่ทำเพื่อประชาชน