บทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญมาตร 272 กำหนดให้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามขั้นตอนโหวตนายกฯ มาตรา159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียง มากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือ 376 เสียง
สำหรับรายชื่อนายกรัฐมนตรี ต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่เสนอไว้ตอนสมัครรับเลือกตั้ง สส. โดยพรรคการเมืองที่จะเสนอรายชื่อเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ในขั้นตอนโหวตนายกฯ ได้ต้องมี สส. ไม่น้อยกว่า 5 % หรือ 25 คน
ซึ่งประกอบไปด้วย พิธาจากพรรคก้าวไกล เศรษฐา, แพทองธาร ,ชัยเกษม จากพรรคเพื่อไทย อนุทินจากพรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตรจากพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และ จุรินทร์จากพรรคประชาธิปัตย์ โดยล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้วเมื่อวานนี้
หากที่ประชุมรัฐสภา ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองได้ ให้สมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน จํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา
ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 (นายกฯคนนอก)ได้
ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภา ให้ยกเว้นได้ จึงกลับไป เริ่มดําเนินการ ตามขั้นตอนโหวตนายกฯใหม่
โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้ นายกฯคนที่ 30 ของไทย จึงอาจพลิกจาก พิธา เป็นคนอื่นได้
โดยการเลือกนายกรัฐมนตรี จะใช้วิธีขานชื่อลงคะแนนโดยเปิดเปิดเผย ส่วนจะเริ่มจากสส.ก่อน หรือดำเนินการพร้อมกับ สว.ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมรัฐสภา จะหารือกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง