ข่าว

'ธาริต'ยันยอมติดคุก คดี'อภิสิทธิ์-สุเทพ'ฟ้องกล่าวหา'สลายการชุมนุม'ปี 53

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ธาริต'แถลงพร้อมติดคุกหากผิดคดี'อภิสิทธิ์-สุเทพ'ฟ้องกล่าวหาฆ่าประชาชน'สลายการชุมนุม'ปี 53 ย้ำเดินทางฟังคำพิพากษา 10 ก.ค.นี้ เปิดใจ 13 ปี ไม่เคยพูดที่ไหนถูกข่มขู่หากทำคดี 99 ศพจะรัฐประหาร

 

8 ก.ค.2566 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมทนายความ และ ตัวแทนญาติของผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต ร่วมกันแถลงถึงคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.

 

โดยมีการยื่นฟ้องนายธาริต พร้อมชุดพนักงานสอบสวนในคดีการเสียชีวิตของประชาชน 99 คน จากเหตุความรุนแรงทางการเมืองปี 2553

 

ซึ่งคดีถึงชั้นศาลฎีกาแล้ว และ นายธาริต ขอเลื่อนฟังคำพิพากษามาถึง 10 ครั้ง โดยศาลได้นัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้

 

 

นายธาริต ยืนยันว่าวันที่ 10 ก.ค.66 จะไปฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และพร้อมรับฟังคำพิพากษาว่า จะไปในทิศทางใด และหากจะต้องถูกต้องโทษจำคุกก็พร้อมเข้าไปในเรือจำเช่นเดียวกับคดีที่ถูกนายสุเทพ ฟ้องคดีสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ซึ่งต้องโทษจำคุก 13 เดือนมาแล้ว 

"ธาริต"แถลงพร้อมติดคุกคดี"อภิสิทธิ์-สุเทพ"ฟ้องกล่าวหาฆ่าประชาชน สลายชุมนุม ปี2553

 

 

อดีตอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า ได้ส่งคำร้องถึงศาลฎีกา ผ่านศาลอาญาเพื่อให้พิจารณาส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการฟ้องดำเนินคดีของโจทก์ทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ตามมาตรา 157 และ 200 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงความไม่สงบทางการเมืองจนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง  และในต่างประเทศถือว่ากฎหมายทั้ง 2 มาตรา ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นข้อหาที่เหวี่ยงแหกับผู้ถูกกล่าวหา กระทบสิทธิ์เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะไม่เคยระบุถึงพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาว่าไปทำอะไรให้ชัดเจน 

 

 

 

โดยมีการตั้ง ศอฉ.มาควบคุมสถานการณ์ และ ออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผอ.ศอฉ. อย่างชัดเจนถึง 5 ฉบับ ให้ทหารใช้อาวุธจริงควบคุมสถานการณ์จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 2,000 คน และเสียชีวิต 99 คน คดีนี้ ในฐานะอดีตอธิบดีดีเอสไอ ก็ได้ดำเนินคดีกับโจทก์ฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และ 289 แต่กลับถูกฟ้องกลับฐาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ซึ่งเห็นว่าข้อหานี้ขัดแย้งต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ถูกดำเนินคดี

 

 

 

สำหรับคดีนี้ นายธาริต ยอมรับว่า มีความจำเป็นต้องเลื่อนฟังคำสั่งคดีของศาลฎีกาหลายครั้ง 4 ประการ คือ 
1. มีการส่งหมายศาลไม่ถึงภูมิลำเนาของจำเลย 
2. มีอาการเจ็บป่วยเป็นโควิด-19 ถึง 2 ครั้ง และป่วยเป็นเส้นเหลืออุดตัด และต้องผ่าตัดไตถึง 2 ข้าง 
3. ญาติของผู้เสียชีวิตยื่นเรื่องขอเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 ซึ่งไม่ใช่คู่ขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย แต่ต้องการเข้ามาเป็นคู่ความในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งต้องรอให้ศาลฎีกาพิจารณาว่าจะรับเข้าได้หรือไม่ 
4. คือกำลังยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าข้อกฎหมายที่ฟ้องนั้นมีความขัดแย้งหรือไม่ และอยู่ระหว่างรอศาลฎีกามีคำสั่ง 

 

ทั้งนี้ยืนยันว่าการขอเลื่อนฟังคำสั่งแต่ละครั้งเป็นไปโดยชอบของกฎหมาาย ไม่มีเจตนาหลบเลี่ยงไปฟังคำพิพากษา

 

 

อดีตอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า คดีนี้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาเป็นลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คน โดยให้เหตุผลว่าการที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยนั้นไม่เป็นความผิด เพราะเป็นการออกคำสั่งให้ทหารใชอาวุธจริง เนื่องจากต้องควบคุมสถานการณ์ที่มีความร้ายแรง คำสั่งดังกล่าวจึงสมควรแก่เหตุแล้ว 

 

 

 

หากศาลฎีกา มีความเห็นพ้องกับศาลฎีกา ก็จะแสดงให้เห็นได้ว่ากระบวนการฟ้องดำเนินคดีเรียกร้องความเป็นธรรมของญาติผู้เสียชีวิตก็จะสิ้นสุดลง และคำพิพากษาศาลฎีกาก็จะเป็นบรรทัดฐานในการพิพากษาของคดีต่อไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากเห็นว่าเป็นการออกคำสั่งให้ดำเนินการกับผู้ชุมนุมชอบด้วยกฎหมายแล้ว

 

 

 

นายธาริต ยังเห็นว่า การยกฟ้องคดีนี้ในศาลชั้นต้น แต่ในชั้นศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายกฟ้องนั้น เป็นช่วงที่ประธานศาลอุทธรณ์ มีกระแสข่าวว่าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. และ ช่วงที่คดีถึงชั้นศาลฎีกา ก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นประธานศาลฎีกาอีก จึงมีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งในการถูกตัดสินคดี แต่ก็พร้อมจะรับคำพิพากษาในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ 

"ธาริต"แถลงพร้อมติดคุกคดี"อภิสิทธิ์-สุเทพ"ฟ้องกล่าวหาฆ่าประชาชน สลายชุมนุม ปี2553

 

 

 

นายธาริต ยังอ้างว่า หลังจากเกิดเหตุการสลายชุมนุม ขณะที่เป็นอธิบดีดีเอสไอ มีทหารนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารเมื่อปี 2557 เรียกไปเจรจาไม่ให้ดำเนินคดี 99 ศพ โดยเรียกไปพูดว่า"อย่าดำเนินคดี 99 ศพนะ ถ้าไม่ทำตาม อั๊วจะปฏิวัติ และจะโดยย้ายเป็นคนแรก"

 

 

 

หลังจากนั้นนายธาริต และนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด ก็ถูกสั่งย้ายจากตำแหน่งเดิม และหากไม่ทำคดีนี้ก็จะต้องมีคนอื่นทำอย่างแน่นอน และเห็นว่าครั้งนี้เป็นการข่มขู่ครั้งแรกในการทำคดีนี้ ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน 

 

 

 

สำหรับคดีการเสียชีวิตของ 99 คน ยังเหลืออายุความอีก 7 ปี นายธาริต เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่งตั้งคณะกรรมาธิการอิสระขึ้นมาแบบระดับ Senior Super Board เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมด แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาในกรณีนี้แล้วก็ตาม 

 

 

 

นายธาริต ระบุว่าที่เพิ่งออกมาเคลื่อนไหว และแถลงต่อสื่อมวลชนนั้นเนื่องจากด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่เอื้ออำนวย หากออกมาพูดก็เห็นว่าจะยิ่งทำให้แย่ลง และ เห็นว่ากำลังจะมีรัฐบาลใหม่ที่จะสามารถให้ความเป็นธรรมได้ และหากถูกตัดสินจำคุก ก็ยืนยันว่าจะไม่ใช่การติดคุกฟรี จะไม่มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่จะต้องติดคุก

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ