ข่าว

'ก้าวไกล' เชื่อ สว.มีมาตรฐาน โหวต ‘ประธานสภา’ เหมือนปี62

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชัยธวัช เลขาฯก้าวไกล มั่นใจ 28 มิ.ย. นี้ ปม ‘ประธานสภา’ ก้าวไกล-เพื่อไทย หาข้อยุติทางการได้ มั่นใจเพื่อไทยประชุมภายในได้ข้อสรุปที่ดี แม้สมาชิกพรรคต้องการเห็นต่าง-เชื่อสว.มีมาตรฐานเดิมเหมือนปี62

ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เดินทางเข้ามาที่ทำการพรรค พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าเรื่องประธานสภา ทางพรรคก้าวไกลจะไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ เพราะพรรคเพื่อไทยจะประชุม สส.วันที่ 27 มิ.ย.ก่อน และวันที่ 28 มิ.ย.นี้จะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ เพื่อนำไปเสนอกับแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 29 มิ.ย. 2566

ตามหลักการพรรคอันดับ1เป็นประธานสภา

ส่วนแนวทางที่จะเสนอให้พรรคก้าวไกลเป็นประธานสภานั้น ยังเสนออยู่ว่า โดยหลักการทั่วไปประธานสภาเป็นของพรรคอันดับที่1 ทั้งนี้ก็คงต้องให้เวลากับพรรคเพื่อไทยพูดคุยกระบวนการในพรรค

 

ทั้งนี้ไม่มีเงื่อนไขสำคัญอะไร ที่จะต้องให้ก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภา เพราะเป็นหลักการทั่วไปของระบบรัฐสภา ที่ควรจะช่วยกันฟื้นฟูระบบประชาธิปไตย เพื่อให้การเมืองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยปกติ

 

ชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรคก้าวไกล

ส่วนกรณีที่ ทางสมาชิกพรรคเพื่อไทย บางส่วนกล่าวว่า เก้าอี้ประธานสภาต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เท่านั้น จะมีผลต่อการเจรจาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องให้ผ่านการประชุมภายในของพรรคเพื่อไทยวันที่ 27 มิ.ย. ก่อน แต่ตนคิดว่าน่าจะได้ข้อสรุปที่ดี ที่จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันประสบความสำเร็จ และยังเชื่อว่าพรรเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน ที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง อยากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมมาบริหารประเทศ แทนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา

 

เชื่อสว.มีมาตรฐานเหมือนปี62

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการเจรจากับ สว. นายชัยธวัช กล่าวว่า สว.ส่วนใหญ่จะรอดูขั้นแรก คือการเลือกประธานสภา เราเชื่อว่าสว.ยังมีมาตรฐานเหมือนเดิมอย่างในปี 2562 ว่า ถ้าพรรคการเมืองใดสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้ ก็สมควรที่จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

ดังนั้นการเลือกประธานสภาก็จะสะท้อน การจับมือร่วมกันของ 8 พันธมิตรที่มีก้าวไกลเป็นแกนนำ มีความเหนียวแน่นเหมือนเดิม หากผ่านเรื่องนี้แล้วก็จะทำให้ สว.จำนวนมากมีความเชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกลยังเป็นแกนนำในการรวมรวบเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรได้

 

ส่วนการที่ สว.ขอให้ก้าวไกลลดเพดานมาตรา 112 ตนมองว่า ทางด้านนโยบายและความเหมาะสมของแคนดิเดตนากฯ แต่ละพรรค ทุกคนที่เป็นคนไทยได้แสดงออก ตัดสินใจไปแล้วพร้อมกันผ่านการเลือกตั้ง ในฐานะประชาชนที่มี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เพราะฉะนั้นขั้นตอนการเลือกนายกฯ ในสภา เรายังหวังว่าทุกฝ่ายที่ปรารถนาดีกับบ้านเมืองจะยึดมั่นว่า ถ้าพรรคการเมืองไหนรวมรวบเสียงส่วนใหญ่ได้ก็ควรเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ควรจะเป็นในระบบรัฐสภา ตนหวังว่า สว.จำนวนมากจะยึดตามหลักการนี้เช่นกัน

 

ส่วนข้อกังวลในอนาคต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมตรี รวมถึงพรรคก้าวไกล จะไปสร้างปัญหาอะไรหรือไม่ในอนาคต เรื่องนี้ตนคิดว่า ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรที่ฝืนความเห็นชอบของสังคมส่วนใหญ่ได้ หากไปสร้างความขัดแย้งในสังคมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ก็อยู่ไม่ได้ มีกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารเองหรือในสภาผู้แทนราษฎรก็มีกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลอยู่แล้ว ร่างกฎหมายต่างๆ แม้จะมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่กระบวนการหาข้อยุติในสภาผู้แทนราษฎร เป็นทางออกที่ดีที่สุด ให้กระบวนการทางประชาธิปไตยหาข้อยุติ

 

เมื่อถามว่า ทางพรรคก้าวไกลมองฉากทัศน์ไว้กี่แบบในวันโหวตนากยกฯ นายชัยธวัช กล่าวว่า หวังว่าจะมีเพียงฉากทัศน์เดียว เพราะหากมีฉากทัศน์อื่นก็อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ ทั้งที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา ส่วนฉากทัศน์ที่วางไว้จะจบภายในครั้งเดียวหรือไม่ ตนมองว่าอันที่จริงควรเป็นเช่นนั้น หลายฝ่ายเองก็กังวลว่ากระบวนการดำเนินไปแบบไม่ปกติ ไม่มีความชัดเจนทางการเมือง ก่อให้เกิดความกังวลในเสถียรภาพทางการเมือง ก็จะกระทบกับหลายๆ ส่วน ประชาชนที่รอรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ปัญหา ไม่ว่าจเป็นภาคธุรกิจ ที่วันนี้เป็นเรื่องแปลกที่มีการเลือกตั้งชัดเจนแล้ว แต่เศรษฐกิจก็ตอบรับในทางลบเพราะมีความกังวลใจในเรื่องความชัดเจนว่า ผลในการจัดตั้งรัฐบาลจะสอดคล้องเป็นไปตามเสียงของประชาชนหรือไม่ ดังนั้นดีที่สุดกับทุกฝ่ายคือดำเนินไปตามผลของการเลือกตั้ง

 

เมื่อถามว่า หากเกมพลิกให้พรรคเพื่อไทย ได้ตำแหน่งนายกฯ พรรคก้าวไกลสามารถรวมกับพรรคเพื่อไทย ได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย มีความมุ่งมั่น จริงใจ ที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล เราได้ผ่านการต่อสู้เพื่อทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตยมาแล้ว เราเคยไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เราก็ไม่เห็นด้วยในปี 2562 ที่พรรคที่ไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง แต่ใช้เงื่อนไขพิเศษไปรวบรวมเสียงข้างมากขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทน

 

“ดังนั้นผมยังเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทย ยังมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตยร่วมกับก้าวไกล” นายชัยธวัชกล่าว

 

ส่วนกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะเสนอให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ จะกระทบต่อเสียง สว.หรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้ตนเข้าใจว่าเป็นการพูดถึงประวัติศาสตร์ ว่าวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มีหลายฝ่ายเคยเสนอให้วันสำคัญทางการเมืองในทางประชาธิปไตยเป็นวันหยุด เพื่อให้เห็นความสำคัญและคุณค่าของประชาธิปไตย เรื่องนี้มีความเห็นที่หลากหลาย ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาถกเถียงกัน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ