ข่าว

ชีวิต 'กรณ์ จาติกวณิช' ต้องล้มลุก? ในวัย 59 ตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่อีกครั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไม่ว่าความล้มเหลวจากศึกเลือกตั้ง หรือเพราะถูกถล่มในโซเชียล 'กรณ์ จาติกวณิช' ในวัย 59 ก็ได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า 'กรณ์' จะเอาอย่างไรต่อบนเส้นทางการเมือง ไปย้อนทำความรู้จักนักการเมืองที่โดดเด่นด้วยส่วนสูง 193 ซม. คนนี้กันอีกรอบ

 

1) ชื่อ "กรณ์ จาติกวณิช" ฮือฮาและถูกกล่าวถึงกันค่อนประเทศ หลังจากแฮชแท็ก #มีกรณ์ไม่มีกู ติดเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์ ภายหลังมีข่าวแกนนำพรรคก้าวไกลทาบทาม 2 เสียงจากพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาลด้วย จากนั้นมาดูเหมือน "กรณ์" จะไม่จอยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนัก เพราะเจ้าตัวบอกไม่รู้เรื่องด้วย และดีลนั้นก็มีอันล่มไป แต่ที่น่าปวดใจกว่าคงเป็นผลการเลือกตั้ง เมื่อ 14 พ.ค. 2566 เนื่องจากพรรคใหม่ที่เขาไปสังกัดล้มเหลวไม่เป็นท่า 

 

2) "กรณ์" มีชื่อเล่นว่า "ดอน" แต่มักไม่ค่อยมีคนเรียกชื่อนี้ นอกจากคนใกล้ชิด เขาออกมาดูโลกเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2507 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุ 3 ขวบ "กรณ์" เป็นบุตรของ "ไกรศรี จาติกวณิช" อดีตอธิบดีกรมศุลกากร และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กับ "รัมภา จาติกวณิช" หรือนามสกุลเดิม "พรหโมบล" บุตรีพระยาบุเรศผดุงกิจ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ

 

 

 

3) ย้อนไปดูเทือกเถาเหล่ากอของเขาเพิ่ม "กรณ์ จาติกวณิช" เป็นบุตรชายคนกลางในจำนวนพี่น้อง 3 คน พี่ชายคือ อธิไกร และน้องชายคือ อนุตร ซึ่งว่ากันว่ารูปร่างหน้าตาคล้ายกับกรณ์มาก หากย้อนไปมากกว่านั้น "กรณ์" โตมาในครอบครัวข้าราชการ อาทิ คุณปู่ พระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช หรือ ซอเทียนหลุย) เป็นอธิบดีกรมตำรวจ คนที่ 2 ของไทย และได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ในสภากรรมการองคมนตรี สมัยรัชกาลที่ 7 คุณตา คือ พระยาบุเรศผดุงกิจ (รวย พรหโมบล) อดีตอธิบดีกรมตำรวจ คนที่ 3 ที่ดำรงตำแหน่งต่อจากพระยาอธิกรณ์ประกาศ

 

 

4) คุณลุง ศ.นพ.กษาน จาติกวณิช เป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (สมรสกับท่านผู้หญิงสุมาลี (ยุกตะเสวี) จาติกวณิช มีบุตรสาวคือ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้นมี คุณลุง เกษม จาติกวณิช หรือเจ้าของฉายา "ซูเปอร์เค" ผู้ก่อตั้งและผู้ว่าการคนแรกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และเคยเป็นประธานกรรมการบริษัท BTSC สมรสกับ คุณหญิงชัชนี จาติกวณิช (ล่ำซำ) ผู้บริหารกลุ่ม "ล็อกซเล่ย์"

 

 

 

5) สำหรับชีวิตครอบครัว "กรณ์" สมรสกับ "วรกร จาติกวณิช" (สกุลเดิมสูตะบุตร) มีบุตรธิดาด้วยกัน คือ กานต์ จาติกวณิช (แจม) และไกรสิริ จาติกวณิช (จอม) นอกจากนี้ยังมีลูกจากการสมรสครั้งก่อนอีก 2 คนของ “วรกร” คือ พงศกร มหาเปารยะ (แต๊งค์) และพันธมิตร มหาเปารยะ (ติ๊งค์) ในแง่ฐาะความร่ำรวย "กรณ์" คือเศรษฐีพันล้าน!

 

 

 

พิจารณาจากทรัพย์สินที่ "กรณ์" เคยยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2563 เขามีทรัพย์สิน 674,865,893 บาท ด้าน "วรกร จาติกวณิช" คู่สมรสมีทรัพย์สิน 388,013,166 บาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,062,879,060 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 6,526,198 บาท

 

 

 

6) ในวัยเด็ก "กรณ์" เรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนสมถวิล และต่อประถมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ปทุมวัน) จากนั้นไปเรียนต่อมัธยมฯ ที่วินเชสเตอร์ คอลเลจ (Winchester College) ประเทศอังกฤษ และจบปริญญาตรี สาขาปรัชญาการเมือง และเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford) ประเทศอังกฤษ

 

 

 

 

7) "กรณ์" เข้าสู่สนามการเมืองจากการชักชวนของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เพื่อนสมัยเรียนด้วยกันที่อังกฤษ โดยลงสมัคร สส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ครั้งแรก ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2548 และก็ชนะได้เป็น สส. เขต 7 (ยานนาวา) กรุงเทพมหานคร ในวัย 41 ปี หลังจากนั้น "กรณ์" ได้เป็น สส.ต่อเนื่องอีก 4 สมัย (2548, 2550, 2554, 2562)

 

 

 

 

8) "กรณ์" เข้าสภาฯ ไปทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนฯ 2 สมัย และขยับขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ปชป. ต่อมาปี 2551 รัฐบาลอภิสิทธิ์ถูกทำคลอด "กรณ์" ได้นั่ง รมว.คลัง ซึ่งไทยกำลังเผชิญมรสุมเศรษฐกิจจากวิกฤต "แฮมเบอร์เกอร์" ซึ่งเขาสามารถนำพาไทยผ่านพ้นวิกฤตการเงินโลกมาได้รวดเร็วอันดับ 2 ของโลก กระทั่งปลายปี 2553 มาตรการไทยเข้มแข็งที่กรณ์ริเริ่มไว้ก็ประสบความสำเร็จ 

 

 

 

 

9) ความโดเด่นของ "กรณ์" ทำให้ The Banker นิตยสารชั้นนำของอังกฤษ คัดเลือกให้ "กรณ์ จาติกวณิช" เป็น "รัฐมนตรีคลังโลก" ปี 2010 และ "รัฐมนตรีคลังเอเชียแห่งปี 2010" เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2553 ซึ่งคัดเลือกจากรัฐมนตรีคลังในประเทศต่างๆ ทั่วโลก 5 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา ยุโรป เอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง จึงถือเป็น "รัฐมนตรีคลังโลก" คนแรกของประเทศไทย 

 

 

 

10) ก่อนเข้าสู่การเมือง "กรณ์" เป็นวานิชธนกิจ เขาเคยเป็นประธาน บริษัท เจพี มอร์แกน (ประเทศไทย) ปี 2544 – 2547 ประธานบริษัท หลักทรัพย์เจเอฟ ธนาคม ปี 2531 – 2543 (นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทด้วยวัย 28 ปี ช่วงปี 2535-2543) ปี 2528 เริ่มงานด้วยตำแหน่งผู้จัดการกองทุน บริษัท เอส จี วอร์เบิร์ก (S.G. Warburg & Co.) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (2528-2530

 

 

 

11) ต่อมาปี 2544 "กรณ์" ขายหุ้น เจเอฟ ธนาคม ในมือทั้งหมดให้กับ JP Morgan Chase และตั้งใจจะวางมือ ก่อนตัดสินใจรับข้อเสนอเป็นประธาน บริษัทเจพี มอร์แกน ประเทศไทย โดยทำงานในฐานะผู้บริหารมืออาชีพแบบเต็มตัว (ปี 2544-2548) จากนั้นในปี 2548 ได้ลาออกจาก JP Morgan กระโดดเข้าสู่สนามการเมืองในวัย 40 ปี

 

 

 

12) เส้นทางของ "กรณ์ จาติกวณิช" ถือเป็นนักการเมืองดาวรุ่งที่มีความมั่นใจสูง ว่ากันว่าถ้าเขาไม่ใจร้อนรีบตัดสินใจออกจาก ปชป. เมื่อปี 2563 เพื่อไปตั้งพรรคกล้ากับ "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" ที่รับเป็นเลขาธิการพรรค เขามีโอกาสเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. ไม่วันใดก็วันหนึ่ง หรืออาจจะรับไม้ต่อจาก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็ยังได้ และอาจได้ลุ้นหากการตัดสินใจเส้นทางชีวิตรอบนี้ เขาจะหันหัวมุ่งหน้าเข้า ปชป. อีกครั้ง

 

 

 

 

13) แต่ตอนนั้นเขาเลือกออกไปตั้งพรรคกล้าได้เพียง 2 ปี แต่เป็นได้แค่พรรคขนาดเล็ก ในเดือน ก.ย. 2565 "กรณ์" จึงได้ตัดสินใจแถลงยกทีมไปรวมกับพรรคชาติพัฒนา จากการประสานเบื้องหลังโดย "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" อดีตแกนนำ ปชป.ที่สนิทสนมกับ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในฐานะ "ทายาททางการเมืองซอยราชครู" ของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และนั่นเป็นที่เป็นที่มาของ "พรรคชาติพัฒนากล้า" พรรคชื่อแปลกๆ ที่ไม่เหมือนคนอื่น

 

 

 

 

14) เดือนถัดมา วันที่ 16 ต.ค. 2565 "กรณ์" ได้รับเลือกด้วยมติเอกฉันท์ให้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เขาประกาศจะนำพาพรรคลงลุยสนามเลือกตั้ง โดยตั้งใจขายความเป็นขุนพลเศรษฐกิจมาแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน เช่น นโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร รวมถึงนโยบายอื่นๆ ที่โดดเด่น ทำให้ผู้สมัครระบบเขตที่เขาไปช่วยลงพื้นที่หาเสียงมีความฮึกเหิม ด้วยมั่นใจว่ามีโอกาสเบียดคู่แข่งเข้าสู่สภาได้

 

 

 

 

15) ทว่าถึงวันเปิดรับสมัครเลือกตั้ง กลับไม่มีชื่อ "กรณ์" ซึ่งเดิมตั้งใจจะลงสมัครระบบเขตในกรุงเทพฯ ทั้งที่มีฐานเสียงแน่นหนามาก่อน ท้ายที่สุดผลโพลภายในทำให้พรรคชาติพัฒนากล้าปรับทัพ เพราะมีแต่ชื่อพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลใน กทม. ชื่อ "กรณ์" ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แทนที่จะได้ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ก็ไม่ถูกเลือก ได้แค่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเท่านั้น ซึ่งพอเข้าใจได้เนื่องจาก "กรณ์" เป็นเพียงผู้ขออาศัย 

 

 

 

 

เป้าหมายที่ "กรณ์" หมายมั่นจะเข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศในฐานะมือเศรษฐกิจผู้มากความสำเร็จ จึงสวนทางกับความเป็นจริง สุดท้ายเขาตัดสินใจแบกความล้มเหลวเดินคอตกออกจากพรรคชาติพัฒนากล้า เพื่อไปหาเส้นทางใหม่ในวัย 59 

 

 

อ้างอิง:
https://www.bbc.com/thai/thailand-51116235
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1069443
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2536741

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ