ข่าว

มหากาพย์ หุ้นไอทีวี เรืองไกร ส่งหลักฐานให้ กกต. เปิด 4 ประเด็นบี้ 'พิธา'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เหนื่อยและต้องทำใจ ว่าที่นายกฯแห่งพรรคก้าวไกล "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" จากปมถือหุ้นสื่อ "หุ้นไอทีวี" เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นเรื่องถึง กกต. เพื่อให้ใช้เป็นหลักฐานประกอบประเด็นขาดคุณสมบัติของ พิธา ชี้งบการเงินในไตรมาสที่ 1 ปี 66 ระบุว่ามีการทำธุรกิจสื่อตั้งแต่ ก.พ.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ   ได้ยื่นเอกสาร เพิ่มเติมต่อกรณีการถือครอง "หุ้นไอทีวี"  ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัต น์หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในประเด็นที่กกต. ตั้งคณะสืบสวนสอบสวน ตามกฎหมายมาตรา 151  โดยเห็นว่าควรเอาเอกสารส่งเพิ่ม แม้เข้าใจว่าคำร้องที่ตนได้ยื่นถูกตีตกไป  โดยในประเด็น 151 ขาดคุณสมบัติ แต่ยังลงสมัครสส.   ตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส  เมื่อกกต. แถลงต่อประชาชนไปแล้ว ตนมีข้อมูล 4 ประเด็น ที่จะมามอบให้ 

 

 

คือ 1.กรณีที่นายพิธาโพสต์ใน Facebook ของตนเอง  2.เรื่องการโอน "หุ้นไอทีวี" ของนายพิธาที่มีการโอนในวันที่ 25 พ.ค.66   3.รายงานประชุมวาระสุดท้าย ที่เกี่ยวกับการซักถามของการประชุมผู้ถือหุ้น itv ณวันที่ 26 เมษายน 66 ที่มี การถามคำถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ itv รวมถึง ไม่ตรงกันกับคลิปวีดีโอที่ออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับคำร้อง และไม่ทำให้ข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปและข้อเท็จจริงที่มาร้องเปลี่ยนไป เพราะกฎหมายบอกว่าผู้สมัครต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้น

 

 

4.วัตถุประสงค์ของบริษัทITV หลังจากถูกบอกเลิกสัญญาจากสปน. วัตถุประสงค์หลักยังอยู่ คือการดำเนินธุรกิจสื่อ แต่ งบการเงินในไตรมาสที่ 1 ปี2566 มีการระบุไว้ ว่ามีการทำธุรกิจสื่อตั้งแต่ ก.พ. ปี 2566 และจะรับรู้รายได้จากการทำสื่อดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 พร้อมแนบหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีบางส่วน ปี 61 และ 62 โดยมีแผนธุรกิจอย่างละเอียด 

 

 

 

ส่วนที่พรรคก้าวไกลมีการยอมรับว่า นายพิธา ถือหุ้นสื่อจริง แต่เหตุใดไม่แจ้งการถือหุ้น  42,000 หุ้น ของ ไอทีวี ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง สส. และมีการยื่นเพิ่มเติมภายหลังนั้น เพื่อต้องการที่จะปกปิดหรือไม่ และยังมีการเลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หลังจากพ้นตำแหน่งสส.อีก  ตนจึงขอเรียกร้องให้นายพิธา เปิดบัญชีทรัพย์สินทันทีหลังจากที่ยื่น ป.ป.ช.หมดแล้วโดยไม่ โดยไม่ต้องรอให้ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และตนไม่เชื่อว่าทรัพย์มรดกจะมีแค่หุ้นนี้เท่านั้น 

 

 

นายเรืองไกร   กล่าวว่า การยื่นตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ไม่ใช่เป็นกระบวนการปลุกผี เพราะตนเองไม่ใช่พ่อมดหรือหมอผี ตนทำคนเดียว ไม่คิดอะไรเกินเลย มีหน้าที่ร้องก็ร้อง ตรงไหนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ถูกร้องก็ส่งให้ แต่ตนจะไม่ชี้นำสังคมก่อนกระบวนการและเจ้าหน้าที่พิจารณาตัดสิน เพราะทุกวันนี้กระบวนการสังคมมีการชี้นำกัน  และไม่กังวลกรณีที่ถูกยื่นร้องว่าตนใช้เอกสารเท็จในการยื่นตรวจสอบ ยืนยันว่าทันทีที่กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ตนจะมายื่นร้องเอาผิดต่อนายพิธา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 อีกครั้ง

 

 

"เรามาตามระบบก็ควรสู้ตามระบบ ท่านมาจากการเลือกตั้งก็ควรสู้ตามระบบ มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดที่บัญญัติว่าผู้ชนะการเลือกตั้งห้ามตรวจสอบเราเลือกตัวแทน สส.เขตและสส.บัญชีรายชื่อ เพื่อทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอให้เข้าใจข้อกฎหมายให้ชัดด้วย" นายเรืองไกร  กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ